‘วัดพลัง’ ชิงตั้งรัฐบาล

โดยเก้าอี้ดังกล่าวตกเป็นของ “ชวน หลีกภัย” แห่งค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมตามความคาดหมาย เช่นเดียวกับเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ตกเป็นของ “สุชาติ ตันเจริญ” แห่งพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่รองประธานคนที่ 2 ตกเป็นของ “ศุภชัย โพธิ์สุ” แห่งค่ายภูมิใจไทย

000 ขั้นตอนต่อไปเมื่อมีการนำชื่อประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ลงมาทั้งหมดจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งสิ่งที่จะต้องติดตามในช็อตต่อไปคือการประชุมรัฐสภาเพื่อ “โหวตเลือกนายกฯ” ซึ่งถือเป็นด่านแรกของการจัดตั้งรัฐบาล

000 แม้ทางฝั่งของ “นายหัวชวน” หรือ “พรรคประชาธิปัตย์” จะออกมาปฏิเสธว่าการหวนคืนเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติรอบ 2 ในครั้งนี้ไม่ใช่เกมต่อรองตำแหน่งหรือโควตาใดๆ แต่ต้องไม่ลืมว่าประมุขฝ่ายนิติบัญญัติจะถือเป็น “ประธานรัฐสภา” โดยตำแหน่ง และจะถือเป็นผู้คุมเกมคนสำคัญในสภา โดยเฉพาะใน “สภาวะเสียงปริ่มน้ำ” ซึ่งประธานสภาฯ มีอำนาจในการบรรจุหรือไม่บรรจุวาระ ดังนั้นการที่สามารถยึดเกมในสภาได้สำเร็จย่อมส่งผลในการสร้างแรงต่อรองอยู่พอสมควร 

000 จากนี้จึงต้องจับตาไปที่โหมดการเมือง ที่ขณะนี้อยู่ในโหมดการ “วัดพลัง” เพื่อ “ชิงตั้งรัฐบาล” ที่ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่ามี 2 ขั้วการเมืองคือ ขั้วเพื่อไทย จำนวน 245 เสียง โดยแบ่งเป็นเพื่อไทย 136 เสียง อนาคตใหม่ 80 เสียง เสรีรวมไทย 10 เสียง ประชาชาติ 7 เสียง เศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง เพื่อชาติ 5 เสียง และพลังปวงชนไทย 1 เสียง

000 ขั้วพลังประชารัฐ ซึ่งมีพรรคที่แสดงท่าทีชัดเจนว่าสนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพลังประชารัฐ เห็นได้จากเสียงในการโหวตเลือกประธานสภาฯ ประกอบด้วย พลังประชารัฐ 115 เสียง ประชาธิปัตย์ 52 เสียง (ยังไม่แถลงท่าที) ภูมิใจไทย 51 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง และชาติพัฒนา 3 เสียง รวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง ประชาชนปฏิรูป 1 เสียง รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง พรรคเล็ก 11 พรรค อีก 11 เสียง ไม่นับรวมเสียงจากกลุ่ม “งูเห่า” ชัดเจนแล้วว่าพลังประชารัฐจะมีเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลทะลุ 250 เสียง 

000 ส่วนเมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้วจะมี “เสียงปริ่มน้ำ” หรืออายุรัฐบาลจะสั้นหรือยาวคง ต้องไปลุ้นกันภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล!!

โดย... ดารากร