TikTok ความสำเร็จที่ปลายทางของยุคสตาร์ทอัพ?

TikTok ความสำเร็จที่ปลายทางของยุคสตาร์ทอัพ?

หลายคนคงกำลังตกใจกับข่าวคราวของการคืนใบอนุญาติทีวีดิจิทัล ซึ่งเป็นสัญญานที่ชี้ชัดถึงการเข้าสู่วาระสุดท้ายของธุรกิจสื่อดั้งเดิม

ที่ได้ถูก Disrupt อย่างไร้หนทางต่อสู้โดยธุรกิจสตาร์ทอัพแห่งยุคดิจิทัล

แต่ไม่ต้องห่วง แม้แต่ยุคของสตาร์ทอัพที่เรากำลังตื่นเต้นกัน ก็กำลังจะเข้าสู่วาระสุดท้ายอย่างที่ไม่มีทางเลือกอีกเช่นกัน

เกือบสองปีก่อน ผู้เขียนได้เคยเขียนบทความ สิ้นสุดของยุคสตาร์ทอัพ?” เนื่องจากในช่วงเวลานั้น ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในต่างประเทศว่า ยุคของสตาร์ทอัพที่เราได้เคยคุ้นเคยกันมานาน กำลังจะเข้าสู่วาระสุดท้ายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่น

หลักฐานเชิงประจักษ์ส่วนหนึ่ง ก็คือว่า 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสตาร์ทอัพเกิดใหม่ ที่สามารถทรงอิทธิพลเทียบเท่ากับกลุ่ม “The Frightful Fives” อันได้แก่ Amazon, Apple, Facebook, Google และ Microsoft และ 3 ใน 5 ของ The Frightful Fives อันได้แก่ Amazon, Facebook และ Google ก็เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพจากเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในขณะที่ 2 ใน 5 ได้แก่ Apple และ Microsoft ก็เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพจากเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ก็จะมีเพียงแต่ Airbnb หรือ Uber ที่ถือกำเนิดในยุคแรกของสมาร์ทโฟน แต่ก็ยังมีขนาดและอิทธิพลที่ห่างไกลจาก The Frightful Fives และยังคงถืือกำเนิดขึ้นในช่วง 9 - 10 ปีที่แล้ว ซึ่งมิใช่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา TikTok สตาร์ทอัพวัยเกือบ 3 ปีของประเทศจีน ซึ่งภายในประเทศจีนได้ใช้ชื่อเป็น Douyin ได้ตกเป็นข่าวคราวในสื่อใหญ่ระดับโลก

TikTok ได้ถูกดาว์นโหลดแล้ว 1,000 ล้านครั้ง และในปีที่ผ่านมา มีอัตราของการดาว์นโหลดที่สูงกว่าแม้กระทั่ง Facebook และ ​Instagram โดย ByteDance ธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นเจ้าของ TikTok ได้กลายมาเป็น ยูนิคอร์น ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกที่ 78 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าแม้กระทั่ง Uber ในปัจจุบัน

จุดเด่นของ TikTok คือการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับแชร์วีดีโอสั้น (15 วินาที) และการวิจารณ์กลับด้วยวีดีโอสั้นอีกเช่นกัน ทั้งยังมีระบบ AI สำหรับคัดเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมสำหรับผู้รับชม

ลักษณะการใช้งานของ TikTok ดังกล่าว ทำให้รูปแบบการนำเสนอวีดีโอของ TikTok มีความแตกต่างไปจาก YouTube และ Facebook โดยเป็นการสนับสนุนการสร้างวีดีโอที่อาศัยความคิดสร้างสรรค์ Execute ไม่ยาก ไม่ต้องมีคุณภาพดีเยี่ยม แต่เน้นความสนุกเป็นปัจจัยหลัก และที่สำคัญ มีอัลกอริทึมสำหรับโปรโมทวีดีโอที่มีความน่าสนใจให้สาธารณชนสามารถพบเห็น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากวีดีโอของผู้เล่นรายใหม่ สามารถสะสมไลค์ได้ในหลักหมื่นหลักแสนในช่วงเวลาข้ามคืน

อย่างไรก็ตาม ที่เป็นข่าวคราวสำหรับ TikTok ก็ไม่ใช่มีเฉพาะข่าวดี TikTok กำลังถูกเพ่งเล็งจากนักวิชาการและรัฐบาลของสหรัฐ ในกรณีที่ TikTok ส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานกลับยังประเทศจีน กรณีดังกล่าว มีผู้คาดคะเนว่าอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่คล้ายกับ รัฐบาลอเมริกา vs หัวเหว่ย ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้

เรื่องราวดังกล่าว ไม่ว่าจะมีสงครามทางการค้าหรือการเมืองระหว่างประเทศอยู่เบื้องหลังหรือไม่ก็ตาม แต่ก็เป็นข้อควรสังเกตว่าหลายประเทศกำลังยก Data Sovereignty หรือความมีอธิปไตยทางข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องสำคัญ แต่ชาติไทยกลับไม่ได้มีประเด็นในเรื่องนี้เลย ทั้งที่ข้อมูลส่วนบุคคลของชาวไทยหลายล้านคนกำลังถูกส่งออกไปนอกประเทศอยู่ทุกวัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากสหรัฐ และ จีน มีข้อมูลส่วนบุคคลของชาวไทย มากกว่าที่บันทึกอยู่ในประเทศไทยเอง

แม้ TikTok เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น น่ายินดี ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่เราควรต้องตระหนักว่าเรากำลังเข้าสู่ปลายยุคของสตาร์ทอัพ ซึ่งอีกไม่นานทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่น เว้นแต่มีการสร้างนวัตกรรมแบบ Disruptive ครั้งใหม่ในยุคดิจิทัล ซึ่งก็ต้องคอยดู อาจจะเป็นไปได้ก็ได้ เพราะ The Frightful Fives ยังเหลือเงินสดจำนวนมากสำหรับการทำวิจัยและพัฒนา