เปิดเกม‘ขั้วที่3’ บีบ พปชร.ยอมจำนน

เปิดเกม‘ขั้วที่3’  บีบ พปชร.ยอมจำนน

000 นอกเหนือจากอากาศที่ว่าร้อนแล้ว “อุณหภูมิการเมือง” ขณะนี้ก็ร้อนทะลุปรอทไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อ “ส.ว.ลากตั้ง”

ที่หนีไม่พ้นเสียงครหาว่าเป็น สภาพี่น้อง" และดูเหมือนการ ชงเองกินเอง” เพื่อเป็นขุมกำลังสำคัญในการโหวตเลือกนายกฯ

000 หรืออีกหนึ่งประเด็นนั่นคือ การเดินเกมชิง “จับขั้ว” จัดตั้งรัฐบาล ที่ขณะนี้ปรากฏขั้วที่ 3 คือ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา 113 เสียง โดยชู “เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูลหรือ เดอะมาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกฯ

000 การรวมตัวของขั้วนี้เกิดจากมีชนวนเหตุส่วนหนึ่งมาจากความไม่พอใจการจัดสรรโควตารัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมปล่อย “4 กระทรวงเกรดเอทั้ง กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง และคมนาคม ไปให้กับพรรคร่วม ถึงขั้น บิ๊กเนม ของพรรคซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญทั้งภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ต้องต่อสายถึงกันว่าจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะในส่วนของคมนาคมที่ภูมิใจไทย วาดฝันว่าจะได้คุมกระทรวงดังกล่าว 

000 ขณะที่ฟากฝั่งพลังประชารัฐเองดูเหมือนว่าจะเข้าใจถึงปัญหานี้ดี และยอมรับว่า พปชร.ต้องยอมปล่อยกระทรวงหลัก หรืออย่างน้อยตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงเศรษฐกิจออกไปบ้าง” เพราะมิเช่นนั้นอาจทำให้เส้นทางการก้าวเข้าสู่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และพลังประชารัฐอาจสะดุดลงได้

000 การเปิดเกมขั้วที่ 3 จึงเป็นเสมือนการเดิมเกมบีบให้ พลังประชารัฐ ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพื่อยอมจำนนตามที่พรรคเหล่านั้นร้องขอ เพราะไม่เช่นนั้น เสียงของพลังประชารัฐ รวมกับพรรคร่วมจะเหลือเพียงแค่ 136 ที่นั่ง 

000 แม้พลังประชารัฐจะยังมีแผน 2 คือ “250 เสียง ส.ว. ที่ตุนไว้ในมือ บวกกับ “136 เสียง ส.ส. ที่มีอยู่ รวมเป็น “386 เสียง เกินกึ่งหนึ่งและสามารถยกมือโหวตเลือกนายกฯ ได้ (รัฐธรรมนูญระบุให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 376 เสียง ในการโหวตเลือกนายกฯ) แต่ระดับเสียงที่มีถือว่าอยู่ในระดับที่อันตรายและอาจทำให้พลังประชารัฐเกิด เพลี่ยงพล้ำได้ หากได้เป็นรัฐบาล

000 การเปิดเกมขั้วที่ 3 จึงเป็นการบีบพลังประชารัฐให้ตกที่นั่งลำบากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!!

โดย... ดารากร