เวลาและโอกาส (จบ)

เวลาและโอกาส (จบ)

จุดเริ่มต้นเล็กๆ อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

ฉบับที่แล้วผมได้แนะนำแง่คิดสำหรับการแสวงหาโอกาสสู่ความสำเร็จ ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเย็นจนเกินไป เพราะทุกคนล้วนมีโอกาสอยู่เท่าๆ กัน แต่ด้วยทัศนคติ รูปแบบการทำงาน และสมาธิในการทำงานล้วนทำให้แต่ละคนมีมุมมองต่อโอกาสที่เข้ามาในชีวิตไม่เหมือนกัน

บางคนอาจมองเห็นเป็นภาระหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบ เป็นความยากลำบากจึงปล่อยให้โอกาสผ่านเลยไปอย่างน่าเสียดาย แต่กับคนที่พร้อม คนที่คิดบวก ก็ย่อมมองเห็นโอกาสเหล่านี้ก่อนใครๆ จึงไขว่คว้ามาได้ก่อนคนอื่น จนได้ลงมือทำและไปสู้เป้าหมายที่ต้องการได้

ต่อกันในข้อที่หกของแง่คิดสู่ความสำเร็จ นั่นคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวันก็อาจเป็นตัวสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ลองนึกถึงวิถีชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ในครอบครัวชนชั้นกลางที่มักจะทุ่มเทให้ลูกได้เรียนได้มากที่สุดเพื่อมีโอกาสในการศึกษาที่ดีที่สุด

ผลสุดท้ายคือเราจะได้เด็กรุ่นใหม่ที่มีวิชาการเป็นเลิศแต่ขาดทักษะในการใช้ชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย การปลูกฝังให้เด็กๆ มีเป้าหมาย และรู้จักสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองจึงไม่จำเป็นต้องมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องการเรียน เรื่องวิชาการ หรือทักษะด้านอื่นๆ ที่พ่อแม่คิดว่าจำเป็นเท่านั้น แต่อาจเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ต้องทำทุกวันอย่างเช่น การเก็บเตียงนอนให้เป็นระเบียบเท่านั้นเอง

การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแต่ละวันด้วยระเบียบวินัยที่ดี ย่อมเป็นการฝึกฝนให้เด็กๆ ได้รู้จักรับผิดชอบ ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องเก็บเตียงนอน แต่ยังหมายถึงการเรียน การทำงานกลุ่ม และอื่นๆ อีกมากมายในชีวิตประจำวันของเขา สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะหล่อหลอมให้เขามีจุดเริ่มต้นของแต่ละวันที่มีความหมาย

เด็กรุ่นใหม่อาจเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากเรา แต่การปลูกฝังเรื่องวินัยจะช่วยให้เขารับผิดชอบย่างก้าวเล็กๆ ในชีวิตที่อาจขยายผลไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต การเลี้ยงลูกของพ่อแม่ในยุคปัจจุบัน จึงอาจไม่ทำให้เขามีทักษะชีวิตที่ดีพอได้

ข้อที่เจ็ดเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราต้องพบเจอเป็นประจำทุกวันเช่นเดียวกัน แต่หลายๆ คนอาจไม่ใส่ใจมากพอและหลงลืมมันไปนั่นคือ อาหารมื้อเช้า ซึ่งถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด แต่ก็เป็นอาหารมื้อที่คนทั่วไปละเลยมากที่สุดเพราะวิถีชีวิตของคนทั่วไปที่ต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้ามืด

โดยเฉพาะคนกรุงเทพที่มีจำนวนไม่น้อยไม่ทานมื้อเช้า เพราะความเร่งรีบในแต่ละวัน ผลก็คือการขาดสารอาหารและพลังงานในมื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งรายงานทางการแพทย์หลายชิ้นก็ยืนยันเช่นนั้น เพราะเป็นอาหารมื้อแรกของวันที่ระบบการย่อยอาหารเริ่มทำงาน

มื้อเช้าจึงมีหน้าที่ในการให้พลังงานและกระตุ้นระบบการทำงานของร่างกาย หลายๆ คนที่ไม่ทานมื้อเช้ามักจะมีปัญหาหากการทำงานยืดเยื้อเพราะอาจหมดแรงเสียก่อนที่จะถึงมื้อเที่ยง และยังผลเสียต่อเนื่องตามมามากมายกว่าที่เราจะคาดคิด

การทานมื้อเช้าดูจะเป็นภาระของหลายๆ คนเพราะต้องเวลาเตรียม และใช้เวลาในการทานอาหาร แต่นั่นก็เป็นเรื่องของวินัยในการใช้ชีวิตเช่นกัน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสร้างความรู้สึกเชิงบวกได้ในทุกๆ วัน

ข้อที่แปดต้องมีเป้าหมายในชีวิต เพราะคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยพยายามไม่ผูกมัดตัวเองเพราะต้องการความอิสระ ผลที่ได้คือการขาดความรู้สึกมีส่วนร่วมเมื่อทำงานในองค์กร เพราะมองแต่สิ่งที่ตัวเองจะได้แต่ไม่ได้มองว่าตัวเองได้อะไรไปจากองค์กรบ้าง

การไม่มีเป้าหมายทำให้เราทำงานแบบไม่สม่ำเสมอ เพราะรู้สึกว่าทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ ไม่มีคำมั่นสัญญาเพราะไม่อยากยึดมั่นกับใคร สุดท้ายก็กลายเป็นนิสัยที่ไม่เอาจริงเอาจัง ไม่มีความพยายามและกลายเป็นคนที่ไร้เป้าหมายในชีวิต

การตั้งเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าใหญ่ว่าจะยิ่งใหญ่ จะร่ำรวย แต่เริ่มจากเป้าหมายเล็กๆ ในชีวิตประจำวันซึ่งต้องกำหนดให้ได้ว่าแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งจะทำให้เราใช้เวลาทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเราจะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องบางเรื่องมากเกินความจำเป็น

เมื่อเราบรรลุเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวันก็จะทำให้เรารู้สึกเป็นสุข ภูมิใจในสิ่งที่กำลังทำ และกล้ากำหนดเป้าหมายที่ใหญ่และยากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็จะใกล้ความสำเร็จมากขึ้นทีละน้อยๆ โดยไม่รู้ตัว