เวลาและโอกาส (2)

เวลาและโอกาส (2)

การใช้เทคโนโลยีไม่ถูกต้องอาจจะเป็นดาบสองคม

ประตูสู่ความสำเร็จรอเราอยู่เสมอ ขอเพียงให้ตัวเราต้องคอยเสาะหาหนทางและปรับตัวให้มองเห็นโอกาสที่จะไปสู่เป้าหมายที่ต้องการให้ได้สำเร็จ ซึ่ง Think out of The Box ฉบับที่แล้วได้เกริ่นไว้ 2 ข้อคือการเริ่มต้นสิ่งใหม่นั้นทำได้ทุกวันไม่ต้องรอคอยเทศกาลหรือวันพิเศษใด ๆ 

และข้อที่สองคือการเปิดรับโอกาสที่เข้ามาสู่ตัวเรา ด้วยการบริหารเวลาและทบทวนการทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ รวมถึงต้องตระหนักว่าทุกโอกาสที่เราได้รับก็คือของขวัญพิเศษที่เราต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญอย่าใช้มันอย่างไร้ค่า

ต่อกันในข้อที่สาม ต้องรู้จักจัดระเบียบและสร้างระบบให้กับการทำงานของตัวเอง เพราะหลาย ๆ ครั้งเราจะเจอคนที่ทำงานยุ่งตลอดเวลาเพราะมีงานล้นมือ คนรอบข้างก็พากันวิ่งวุ่นวายแต่กลับไม่มีผลงานใด ๆเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก ปัญหาแต่ละอย่างจึงไม่ถูกแก้ไขอย่างถูกจุด

ตรงกันข้ามกับคนที่รู้จักการวางระบบการทำงานที่มักจะหาทางแตกปัญหาใหญ่ ๆ ให้ออกมาเป็นก้อนที่เล็กลงแล้วค่อย ๆ จัดการไปทีละน้อยอย่างมีเป้าหมาย งานทั้งหมดจึงต้องจัดระเบียบอย่ามองงานและปัญหาทั้งหมดเป็นก้อนเดียวจนไม่รู้ว่าจะจัดการอะไรก่อน-หลังหากจัดการได้ดี เราจะรู้ว่าในแต่ละวันว่าจะต้องทำอะไร เช่นวันนี้ต้องจัดการ 3 เรื่องนี้ให้สำเร็จ และอีก 2 เรื่องในวันถัดไป ทั้งอาทิตย์จะต้องทำอะไรบ้าง ฯลฯ ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนกว่าการแก้ปัญหานับร้อยเรื่องในวันเดียวซึ่งไม่มีทางทำสำเร็จ

ดังนั้นข้อที่สี่ จึงกลับมาเน้นที่คนรุ่นใหม่ที่มักจะชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เช่นใช้เวลาในที่ประชุมติดต่องานกับลูกค้าไปด้วย พร้อมกับแชตไลน์คุยกับเพื่อน และส่งอีเมล์พร้อม ๆ กับโพสต์เฟซบุ้คซึ่งในบางจังหวะอาจทำได้ดี แต่ในบางจังหวะก็อาจสับสนส่งผิดส่งถูก จนอาจก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นโดยไม่รู้ตัว และอาจเป็นเพราะคนยุคใหม่เกิดมาพร้อมเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา จึงทำให้การเข้าถึงการสื่อสารสมัยใหม่เป็นเรื่องง่าย และทำได้ตลอดเวลาซึ่งเรื่องนี้เป็นดาบสองคม ที่เราต้องรู้จักใช้ให้ถูกต้อง หากใช้มากเกินไปหรือใช้โดยไม่แบ่งแยกระหว่างใช้ติดต่อเพื่อทำงานกับใช้ติดต่อเรื่องส่วนตัวมักจะเกิดปัญหาตามมาเสมอ

การให้ความสำคัญหรือโฟกัสกับงานที่กำลังทำจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด บางครั้งเราอาจต้องวางมือกับการสื่อสารรอบตัวโดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย แล้วหันมาสร้างสมาธิให้กับงานที่ทำเพื่อให้ได้ผลออกมาดีที่สุดโดยเฉพาะการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษต่อเนื่องมาถึงข้อที่ห้าคือเมื่อลดสิ่งต่าง ๆ ที่รุมเร้ารอบตัวออกไป ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียหรือปัญหาทั้งหลายที่ยังไม่ได้วางแผนเพื่อจัดการ เราก็จะมีเวลามากพอให้ขบคิดสิ่งต่าง ๆ อย่างน้อยก็ได้ทบทวนตัวเองว่าทำอะไรไปบ้างแล้ว และมีอะไรค้างคาที่ยังทำไม่สำเร็จการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้คิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ จะทำให้เราเกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้น และจัดเรียงลำดับ

สิ่งที่ต้องทำก่อนหลังอย่างเหมาะสม การให้เวลากับตัวเองจึงไม่ได้เป็นเพียงการพักผ่อนหรือใช้เวลาเพื่อผ่อนคลายตัวเองจากงานที่เคร่งเครียด แต่เป็นการจัดระเบียบความคิดและสร้างความสงบในจิตใจเพื่อมีกำลังทำงานใหญ่ต่อไปการปล่อยให้งานทุกอย่างวุ่นวาย ไร้ระบบระเบียบ และทำงานหนักโดยไม่ดูเรื่องประสิทธิภาพและประสิทธิผลจึงทำให้เราต้องเจองานกองสุมอย่างไม่รู้จักจบ และปัญหาก็จะหมักหมมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่เราจะมองเห็นภาพรวมของปัญหา แยกมันเป็นส่วน ๆ แล้วค่อย ๆ จัดการมันอย่างเป็นระบบ

การทำงานที่มุ่งเป้าสู่ความสำเร็จจึงต้องทำทีละอย่าง อย่าทำทุกอย่างพร้อม ๆ กัน ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีสมาธิและย่อมมีเวลามากพอที่จะใช้ขบคิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นไปได้อีก ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ย่อมทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นโอกาสแห่งความสำเร็จล้วนเปิดกว้างให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ใครจะไขว่คว้ามาได้สำเร็จย่อมขึ้นอยู่กับความพร้อมในการปรับตัวของแต่ละคนเท่านั้น