เมื่อ AI ขึ้นตำแหน่งผู้จัดการ

เมื่อ AI ขึ้นตำแหน่งผู้จัดการ

การที่ AI และ หุ่นยนต์จะมาแย่งงานมนุษย์ ได้กลายมาเป็น วาทกรรม ชนิด ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ มาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้ว

ทั้งมีการพูดถึง อาชีพ ที่เป็นอันดับแรกๆ ที่มนุษย์จะถูกแทนที่โดย AI หรือ หุ่นยนต์ และยังมีการพูดถึง ทักษะที่พึงจะมี หากมนุษย์ไม่ต้องการที่จะถูกแทนที่

แต่ในปัจจุบัน ได้เกิดกระแสใหม่ คือการที่ AI ได้ถูกยกระดับขึ้นเป็นผู้จัดการ แม้ในกิจการที่ AI ไม่ยังสามารถทดแทนมนุษย์ได้ก็ตาม

ทุกธุรกิจที่ดี ที่มีประสิทธิผลภาพ และที่มีความยั่งยืน ย่อมต้องมีการวัดผลด้วย KPI หรือ Key Performance Indicator เพื่อกำหนดเป็น ดัชนีชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงาน ตั้งแต่ในระดับของ องค์กร แผนก และ ในระดับของ พนักงานแต่ละคน

ทั้งนี้ เป็นหน้าที่ของผู้จัดการ ในการบริหารพนักงาน แผนก และ องค์กร เพื่อให้เป็นไปตามดัชนีชี้วัด โดยมีวิธีการตั้งแต่ การกำหนดยุทธศาสตร์ การปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การบริหารทรัพยากร และกระทั่งการจัดการพนักงาน

ซึ่งการจัดการพนักงาน เริ่มต้นตั้งแต่การว่าจ้าง การติดตามผล การให้รางวัล และการให้ออก

ก้าวต่อไปของ AI คือการถูกยกระดับเพื่อใช้ในการจัดการพนักงาน ซึ่งล่าสุดได้มีข่าวของ อเมซอน ที่ใช้ระบบอัตโนมัติในการติดตามผลของพนักงานคลังสินค้า และได้ให้พนักงานออกไปแล้วกว่า 300 คน โดยไม่ต้องผ่านการตัดสินใจของผู้จัดการที่เป็นมนุษย์

ทั้งนี้ แม้งานของพนักงานคลังสินค้า จะยังคงอาศัยทักษะบางประการ ที่ทำให้ยังไม่สามารถถูกทดแทนได้ด้วย AI หรือ หุ่นยนต์ แต่ก็ยังสามารถถูกบริหารโดยผู้จัดการที่เป็น AI

พนักงานเหล่านี้ กำลังรู้สึกว่า ตัวเองเหมือนเป็นหุ่นยนต์ เพราะต้องมาถูกควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ อย่างเช่น AI แทนที่จะมีผู้จัดการที่เป็นมนุษย์ ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

เช่นว่า AI หรือหุ่นยนต์ อาจจะยังไม่สามารถทดแทนพนักงานฝ่ายขายได้ แต่ก็สามารถเป็นผู้จัดการของพนักงาน ที่สามารถประเมิน ให้รางวัล และให้ออกได้

แม้กระทั่งการรับพนักงานใหม่ ปัจจุบันมีสตาร์ทอัพจำนวนมาก ที่กำลังพัฒนาระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI ในกระบวนการรีครูทเมนท์ ทั้งนี้ AI จะทำหน้าที่อ่านเรซูเม่ ติดต่อ สัมภาษณ์ และตัดสินใจรับแคนดิเดต โดยไม่ต้องอาศัยผู้จัดการที่เป็นมนุษย์อีกเช่นกัน

จึงเป็นมิติใหม่ของ AI ที่ได้ก้าวข้ามวาทกรรม ที่ยังเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะทาว์น อยู่ในปัจจุบัน

เพราะประเด็นใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่า มนุษย์กำลังจะถูกแทนที่โดย AI หรือ หุ่นยนต์ อีกต่อไป เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ถูกแทนที่ แต่ก็อาจหนีไม่พ้นที่ต้องมีผู้จัดการเป็น AI ที่จะตัดสินมนุษย์ในมาตรฐานเดียวกับที่ใช้กับหุ่นยนต์

นอกจากการมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น จากการมีผู้จัดการที่เป็น AI แล้ว ข้อดีอีกประการ คือการลดความลำเอียงหรืออคติ ที่เป็นอุปสรรคต่อการคัดสินใจของมนุษย์ โดยเฉพาะในการบริหารจัดการมนุษย์ด้วยกันเอง

กระแสนี้ ค่อนข้างใหม่ และยังไม่ได้มีการถกเถียงกันมากนัก ถึงข้อดีและข้อเสีย แต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจน่าติดตาม เพราะการมีผู้จัดการที่เป็น AI อาจทำได้อย่างรวดเร็วกว่า การแทนที่มนุษย์ด้วย AI หรือ หุ่นยนต์ และอาจส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลได้ในยุคปัจจุบัน