‘หุ้นสื่อ’นักการเมือง ส่อลามยื่นยุบพรรค
000 “หุ้นสื่อ” ของบรรดานักการเมืองและว่าที่ส.ส. ยังคงเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงในขณะนี้
เริ่มที่กรณี “พ่อของฟ้า” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แจ้งข้อกล่าวหากรณีเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่อาจเข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(3) และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42(3)
000 คงต้องไปลุุ้นในวันที่30 เม.ย.นี้ ว่าคำชี้แจงของ “ธนาธร” จะส่งผลให้เขารอดพ้น “ใบส้ม” ซึ่งจะถูกระงับสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาไม่เกิน1ปีหรือไม่ ทว่าชะตากรรมของทั้ง “ธนาธร” และ “พรรคส้มหวาน”ไม่ได้มีแค่เรื่องถือหุ้นของหัวหน้าพรรคที่อาจถูก “ใบส้ม” หรือ “ใบแดง” เนื่องจากอาจเข้าข่ายการดำเนินที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริต ที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น เพราะล่าสุดยังมีผู้ยิื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ “ลูกพรรคอนาคตใหม่” ในกรณีเดียวกัน
000 ที่อาจลามไปถึงการยื่นยุบพรรค โดยอ้าง3มาตราของกฎหมายเลือกตั้งส.ส.นั่นคือ มาตรา54 ที่ระบุว่า “หากผู้สมัครผู้นั้นรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้วปกปิด หรือไม่แจ้งข้อความจริงนั้น ให้ถือว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม” มาตรา 132 วรรควรรคสามที่ระบุว่า “หากปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าหัวหน้าพรรคการเมือง หรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลยหรือทราบถึงการกระทํานั้นแล้ว มิได้ยับยั้งหรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมให้คณะกรรมการดําเนินการเสนอคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ”
000 รวมถึงมาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อ ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี
000 ประเด็นนี้ไม่ได้มีแค่กรณีของ “ธนาธร” และ “พรรคส้มหวาน” เท่านั้นเพราะล่าสุด ยังมีผู้ไปยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ “ชาญวิทย์ วิภิศิริ” ว่าที่ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงว่าที่ส.ส.คนอื่นๆ ในกรณีการถือครองหุ้นสื่อ โดยใช้มาตราเดียวกันโดยมีการโยงไปถึง “อุตตม สาวนายน” หัวหน้าพรรคในฐานะผู้เซ็นรับรอง และแกนนำพรรคในฐานะรู้เห็น
000 ประเด็นการถือครองหุ้นสื่อ จึงกลายเป็นประเด็นทั้ง2ฝ่ายต่าง“เปิดศึก” ในการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติกันไปมาและอาจลามไปถึงการยื่นยุบพรรรคในอนาคตอีกด้วย!!