เลิกทำงานด้วยกันแบบศูนย์กับหนึ่ง

เลิกทำงานด้วยกันแบบศูนย์กับหนึ่ง

เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้สามารถทำสารพัดอย่างด้วยตนเอง แต่การงานก็สลับซับซ้อนกว่าแต่ก่อนมาก มีงานใหม่ๆ มากมาย

ที่ทำงานให้สำเร็จตามลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่นมาช่วยกัน จะให้ใครมาเข็นการงานไปข้างหน้าอยู่คนเดียว คงไปได้ไม่ไกล ต้องหาคนมาช่วยกัน ซึ่งแต่ก่อนนี้เชื่อว่าทุกคนที่มาช่วยกันต้องคิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน จึงจะเดินหน้าไปได้ งานใหญ่ในวันนี้เหมือนกับมีรถคันหนึ่งที่คน 4 คน ถือล้อไว้คนละล้อ รถคันนั้นจะเดินหน้าไปได้ ทั้ง 4 คนต้องเอาล้อมาติดกับรถ ใครเบี้ยวสักคน รถก็ไปไหนไม่ได้

ผู้บริหารบางคนมักเริ่มด้วยการแยกแยะมิตรศัตรู ใครพวกฉัน กับใครพวกศัตรู ไม่หนึ่งก็ต้องศูนย์ ถ้าแยกแยะกันสุดโต้งแบบนี้ อยากได้ล้อจากศัตรูมีหนทางเดียว คือกำจัดศัตรูไป อย่าให้เหลือล้ออยู่ในมือศัตรู ซึ่งถ้าเก่งพอจะกำจัดศัตรูได้ในเวลารวดเร็ว การทำงานด้วยกันแบบถ้าไม่ใช่พวกฉัน ก็ต้องเป็นศัตรูกับฉัน อาจพอทำให้ได้ล้อมาครบถ้วน เดินหน้าต่อไปได้ ในเวลาที่ไม่เนิ่นนาน แต่วันนี้เทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ต่างคนต่างเก่ง กำจัดซึ่งกันและกันมายาวนานนับปีก็ยังไม่ได้ผล การงานก็ไม่เดินหน้าไปไหนสักที เหมือนกับต่างคนต่างถืออยู่คนละล้อ พร้อมๆ กับที่ยิงกระสุนสารพัดแบบใส่ศัตรูเพื่อหวังจะได้ล้อในมือศัตรูมาครอบครอง ยิงกันไปยิงกันมาจนบาดเจ็บไปด้วยกันทั่วหน้า ถ้ามีโอกาสที่จะได้ล้อมาครบจริงๆ ในวันหน้า วันนั้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือจะทำอะไรได้อีกต่อไป ไปไหนไม่ได้ทั้งๆ ที่ทุ่มเทไปมากมายเพื่อเอาชนะศัตรู ทำงานด้วยกันแบบไม่ใช่หนึ่ง ก็ต้องเป็นศูนย์เท่านั้น ยิ่งทำศัตรูยิ่งเพิ่ม

แต่ลองนึกดูดีๆ ว่า วิธีการติดล้อเข้ากับตัวรถนั้น พูดจาคนละภาษายังต่างคนต่างติดล้อเข้ากับรถได้ จะเกลียดกันแค่ไหน ถ้าติดล้อครบ รถก็ไปข้างหน้าได้ จึงไม่มีประโยชน์อย่างใดในการที่จะบอกว่าใครคือศัตรู เพราะมิตรหรือศัตรูถ้าก้มหน้าก้มตาติดล้อเข้ากับรถแล้วก็เดินหน้าไปได้ทั้งสิ้น เรื่องสำคัญคือทุกคนต่างทราบดีอยู่แล้วว่าทำอย่างไรองค์กรจึงเดินหน้าไปได้ สมควรที่ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองไป แทนที่คนใดจะพยายามเป็นนายใหญ่คอยบงการให้คนอื่นทำงาน ถ้าสามารถแยกการงานได้อย่างชัดเจนว่า องค์กรจะรอดไปได้ จะก้าวหน้าไปได้ ใครต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้การงานเดินหน้าต่อไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องหมดเวลาไปกับแยกแยะอีกแล้วว่า ทำงานกับมหามิตร หรือทำงานอยู่กับศัตรู ไม่จำเป็นต้องหาสารพัดหนทางมากำจัดศัตรู พึงระลึกไว้เสมอว่างานใหญ่ต้องการคนเยอะ จะเที่ยวไล่กำจัดใครต่อใครตามใจชอบไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่อยากยำ่อยู่กับที่ ดูคนอื่นเดินแซงหน้าไป

แม้จะไม่มองว่าใครพวกฉัน ใครเป็นศัตรูแล้ว แต่ยังชอบไม่ให้เกิดความแตกต่าง เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ยังเที่ยวไปไล่ปรับเปลี่ยนให้คนอื่นคิด ให้คนอื่นทำเหมือนกับที่ตนเองเชื่อว่าทำอย่างนั้นแล้วดีแน่ๆ การงานก็ไม่เดินหน้าอีก เพราะหมดเวลาไปกับการถกเถียงว่าทำอย่างไหนดีกว่ากัน หมดเวลาไปกับการตั้งสมมติฐานมาถกเถียงกัน โดยไม่มีคำตอบที่เป็นข้อสรุป ที่ไม่ได้คำตอบเพราะต่างคนต่างยึดมั่นในคำตอบของตนว่าดีแล้วชอบแล้ว ดังนั้นลดเวลาถกเถียง แล้วลงมือทำไปเลย ผลงานจะบอกเองว่าวิธีของใครได้ผล ของใครไม่ได้ผล ถึงตอนนั้นอย่างน้อยก็เดินหน้าไปได้บ้างแล้ว จะติดล้อท่าไหนก็ติดไป ช้านิดช้าหน่อยพอล้อครบก็เดินหน้าได้แล้ว ดีกว่าเถียงกันว่าท่าติดล้อควรเป็นอย่างไร

เส้นทางก้าวหน้าในโลกปัจจุบันมีหลายเส้นทาง จึงไม่เสียหายที่จะเดินหน้าไปพร้อมกันในหลายเส้นทางก้าวหน้านั้น เช่นเดียวกับการงานมีสารพัดอุปสรรค ดังนั้นใครจะช่วยปัดเป่าอุปสรรคตรงไหน ถ้าทำได้ก็เป็นประโยชน์กับความก้าวหน้าขององค์กรด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะเสียแรง เสียเวลาไปกับการทำให้ทุกคนเชื่อว่าเรื่องของฉันเท่านั้น ที่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องทำก่อนเรื่องอื่น

เลิกทำงานด้วยกันแบบทำสงคราม คือถ้าไม่ใช่มิตร ก็ต้องเป็นศัตรู แบบไม่ใช่หนึ่งต้องเป็นศูนย์เท่านั้นได้แล้ว ถ้ายังอยากจะไปถึงสี่จุดศูนย์กันจริงๆ