เศรษฐกิจจีนชะลอกับผลกระทบต่อไทย

เศรษฐกิจจีนชะลอกับผลกระทบต่อไทย

เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ทำให้หลายๆ ฝ่ายห่วงใยถึงผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทย แน่นอน ถ้าหากคิดโดยรวมๆ แบบตื้นๆ ก็คงจะบอกว่า

ทำให้ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องของไทยลดลงจริงๆ ในเชิงของ absolute value แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่

โดยทั่วไปแล้ว เศรษฐกิจทุกประเทศจะต้องขยายตัว แต่อัตรามากน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่น่าจะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากกว่า

แต่ไม่ว่าจะตั้งข้อสันนิษฐานว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้ absolute value หรืออัตราการขยายตัวลดลง การพิจารณาผลกระทบเพียงผิวเผินก็คงไม่ทำให้สามารถบอกขนาดของผลกระทบที่แน่นอนได้ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาข้อมูลในระดับที่ลึกขึ้นจะให้ภาพที่ชัดขึ้น เพื่อใช้เป็นนัยสำคัญเชิงนโยบายได้

เศรษฐกิจจีนชะลอกับผลกระทบต่อไทย

บรรทัดแรกของตารางที่ 1 แสดงมูลค่าการส่งออกของไทยไปจีนและมูลค่าการนำเข้าของไทยจากจีนในปี 2017 และ 2012 ตามลำดับ การส่งออกของไทยไปจีนขยายตัวประมาณ 32% ระหว่างสองปีดังกล่าวและการนำเข้าของไทยจากจีน ขยายตัวเพียง 9% ในช่วงเดียวกัน แต่ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในช่วงดังกล่าว ลดลงจาก 7.9% เป็น 6.9% ต่อปี

ข้อเท็จจริงตรงนี้ดูจะขัด ๆ กับทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่าเศรษฐกิจขยายตัวจะนำไปสู่การนำเข้าที่ขยายตัวด้วย หรือ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว การนำเข้าต้องชะลอตัวลงด้วย แต่นี่ไม่ใช่ เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้อสันนิษฐานมีได้เพียงประการเดียวคือ การส่งออกของไทยไปจีนในช่วงดังกล่าว ควรจะต้องมีการเจาะตลาดในจีนเพิ่มขึ้นจากสินค้าชนิดเดิม ๆ นี่คือความเป็นจริงที่จะบอกว่า เราไม่มีความจำเป็นต้องห่วงใยการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเลย ในกรณีที่เรามีความสามารถเพิ่มชนิดสินค้าหรือปริมาณสินค้าชนิดเดิมๆ ในตลาดจีนโดยรวมได้อย่างที่เกิดขึ้นแล้ว  ยิ่งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงไม่ถึงครึ่งหน่วยเปอร์เซนต์ ยิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่

ส่วนการนำเข้าของไทยจากจีนในช่วงเวลาเดียวกันมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำกว่าการส่งออกของไทยไปจีนมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการนำเข้าของไทยจากจีนเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จ สำหรับใช้ในการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกเป็นส่วนใหญ่และการส่งออกของไทยในที่นี้เป็นผลรวมของการส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกมากมาย ดังนั้น การขยายตัวของการนำเข้าของไทยจากจีนจึงแปรผันตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยรวม ความผันผวนจึงมีได้น้อยกว่า

ส่วนการส่งออกของไทยไปจีนนั้นจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของและนโยบายเฉพาะของจีนประเทศเดียวเป็นหลัก นอกเหนือไปจากความสามารถในการเจาะตลาดจีนของไทยทั้งในเชิงปริมาณและชนิดสินค้า เมื่อประกอบกับตลาดส่งออกของจีนมีการกระจายตัวน้อยกว่าไทย ความผันผวนของการส่งออกไทยไปจีนจึงมีได้มากกว่า ทั้งๆ ที่ลักษณะการนำเข้าของจีนจากไทยก็เป็นไปเพื่อใช้สินค้ากึ่งสำเร็จไปผลิตเป็นสินค้าส่งออกเช่นเดียวกับไทย โปรดสังเกตด้วยว่า การส่งออกผลไม้สดไทยไปจีนที่กล่าวขวัญกันมากนั้น มีสัดส่วนจากมูลค่าส่งออกรวมของไทยน้อยกว่าครึ่งหน่วยเปอร์เซนต์เสียอีก

บรรทัดอื่นๆ (ยกเว้นบรรทัดที่ 1) ของตารางที่ 1 แสดงชนิดของสินค้าต่างๆ ทั้งฝั่งที่จีนนำเข้าจากไทย และฝั่งที่จีนส่งออกมายังไทย ในฝั่งของสินค้าที่จีนนำเข้าจากไทยนั้น ปรากฏว่า สินค้าที่มีสัดส่วนจากการส่งออกรวมของไทยสูงสุด 10 อันดับแรกเพิ่มขึ้นจาก 32.5% เป็น 54.1% ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ว่า สินค้าส่งออกของไทยกลุ่มเดียวกันมีสัดส่วนจากสินค้าส่งออกรวมเพิ่มขึ้น อีกทั้งมูลค่าส่งออกรวมของไทยก็เพิ่มขึ้นด้วย โดยที่สัดส่วนของสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 22 หน่วยเปอร์เซนต์ นอกจากนี้ การกระจุกตัวของชนิดสินค้าส่งออกของไทยไปจีนมีมากขึ้น

เมื่อพิจารณาด้านของสินค้านำเข้าของไทยจากจีนแล้วพบว่า สัดส่วนของสินค้านำเข้าของไทยจากจีนโดยรวม 10 อันดับแรกลดลงจาก 27.6% เป็น 22.5% ซึ่งแสดงว่าสินค้านำเข้าของไทยจากจีน กระจายออกไปในชนิดสินค้าสินค้าที่มีจำนวนหลากหลายเพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจจีนชะลอกับผลกระทบต่อไทย

ตารางที่ 2 แสดงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยและเงินลงทุนต่างประเทศโดยตรงจากจีนมาไทยในช่วงปี 2009-2018 เมื่อดูจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยแล้วจะเห็นว่าการขยายตัวมีอัตราสูงในช่วงปี 2010-2013 และ 2015 ส่วนอัตราการขยายตัวชะลอในช่วงปี 2016-2018 ซึ่งอาจจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นสืบเนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงดังกล่าวได้ แต่ก็คงต้องยอมรับว่าการขยายตัวปีละหลายสิบเปอร์เซนต์เป็นสิ่งที่ไม่อาจคงอยู่ได้ในระยะยาว ที่น่าสังเกตคือปี 2014 ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่รัฐบาลจีนประกาศห้ามนักท่องเที่ยวจีนมาไทยในช่วงการประท้วงของกลุ่ม กปปส. ดังนั้น เราอาจสรุปได้ว่าการขยายตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐบาลจีนมากกว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจ นี่ยังไงครับ มหามิตร!

เมื่อพิจารณาจำนวนเงินลงทุนโดยตรงจากจีนมาไทยแล้ว อาจได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วได้ว่า การลงทุนโดยตรงของจีนในไทยหารูปแบบอะไรที่ชัดเจนไม่ได้ ซึ่งน่าจะสันนิษฐานได้ว่ามาจากนโยบายการกำกับเงินทุนไหลออกเองทางการจีนมากกว่าภาวะเศรษฐกิจ

ส่วนการซื้ออาคารชุดของชาวจีนในไทยไม่ส่งผลกระทบต่อจีดีพีในระยะสั้น เนื่องจากโครงการอาคารชุดที่มีอยู่แล้วจะต้องก่อสร้างและกลายเป็นจีดีพีอยู่แล้ว แม้ว่าการซื้อของชาวจีนจะหยุดลงโดยทันทีทันใด อย่างไรเสีย สินค้าที่คงเหลือขายไม่ได้ก็ยังคงเป็นจีดีพี ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอยู่ในอนาคตที่ผู้ประกอบการอาจจะลดการทำโครงการใหม่ลง

กล่าวโดยสรุปแล้ว เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวลง ถือได้ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในเชิงของ absolute value ที่ลดลง แต่อาจจะอัตราการขยายตัวอาจจะส่งผลให้ชะลอตัวได้บ้างเล็กน้อยในลักษณะของ random effect ซึ่งก็อาจจะไม่ได้มีลักษณะแตกต่างจากที่อาจจะเกิดขึ้นกับการค้ากับประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน

ตารางที่ 2 แสดงด้วยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าด้วยอัตราที่ไม่สูงเท่าในสมัยก่อน ปัญหาจะกลายเป็นว่าไทยจะรับได้กับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาได้มากน้อยเพียงใดมากกว่า ส่วนเงินลงทุนโดยตรงในไทยจากจีนเป็นสิ่งที่หวังพึ่งไม่ได้มานานแล้วและมีขนาดที่ไม่มีนัยสำคัญ แม้ว่าจะเทียบกับสิงค์โปรหรือฮ่องกงก็ตาม การหยุดซื้ออาคารชุดโดยทันทีของชาวจีนไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่อาจมีได้ในระยะยาว