จากครอบครัวถึงประเทศ

จากครอบครัวถึงประเทศ

ธุรกิจสร้างง่ายแต่การรักษาให้คงอยู่เป็นเรื่องยาก

ความสำเร็จยาวนานต่อเนื่องกว่า 400 ปีของซอสซีอื๊ว "คิคโคแมน" ในคอลัมน์ Think out of The Box ฉบับที่แล้วสะท้อนให้เห็นว่าอุปสรรคของการทำธุรกิจครอบครัวนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถเลย 

เพราะแม้ธุรกิจที่ดูธรรมดาๆ อย่างซอสซีอื๊วปรุงรสกลับไม่ธรรมดาได้ ขณะเดียวกันมีที่มาที่ไปน่าสนใจจากประวัติการก่อตั้งด้วยความร่วมมือของคนถึง 8 ตระกูล การทำธุรกิจต่อเนื่องและเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่เราควรศึกษาเอาไว้

บทเรียนประการแรกที่เราได้จากคิคโคแมนคือ “การเลือกสรรสิ่งที่ดีที่สุด” ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับของแต่ละตระกูลในการทำให้ซอสซีอิ๊วของตัวเองมีความโดดเด่น ทั้งรส กลิ่น ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่ได้รับความร่วมมือจากแต่ละตระกูลเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นซอสที่ดีที่สุด

เช่นเดียวกับระบบการบริหารจัดการ การขาย การขนส่ง การกระจายสินค้าก็เลือกเอาระบบที่ดีที่สุดและประยุกต์ใช้เทคนิคการบริหารจากแต่ละตระกูลเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด การเลือกสรรตัวแทนจากแต่ละตระกูลจึงเลือกคนที่เก่งที่สุดเท่านั้น

ความซับซ้อนของคิคโคแมน นอกจากมีตระกูลที่เกี่ยวข้องมากถึง 8 ตระกูลและสืบทอดกันมาถึงทายาท 15 รุ่นทำให้ต้องกลับมาทบทวนว่าธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่ที่ก่อตั้งมาเพียง 1-2 รุ่นเหตุใดจึงเต็มไปด้วยปัญหามากมายจนเหมือนกับต้องพบเจอทางตันเพราะหาทางจัดการแก้ไขไม่ได้

อุปสรรคสำคัญที่คนทำธุรกิจครอบครัวหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ “ช่องว่างระหว่างวัย” ที่คนรุ่นพ่อกับคนรุ่นลูกนั้นอาจมีมุมมองในการทำงานที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะคนรุ่นปู่หรือรุ่นพ่อที่บุกเบิกธุรกิจมาอย่างยากลำบาก คนรุ่นลูกจึงจำเป็นต้องสานต่อสิ่งที่คนรุ่นเก่าทำเอาไว้

นั่นคือต้องรู้จักแก่นแท้ของธุรกิจตัวเองอย่าหลงไปตามกระแสต่างๆ ซึ่งอาจเป็นที่นิยมเพียงชั่วครู่ชั่วยาม และในขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักใช้มุมมองที่แตกต่างระหว่างคนสองรุ่นให้เป็นประโยชน์ เพราะหากสื่อสารกันได้ด้วยดีก็ย่อมทำให้มีมุมมองที่กว้างไกลขึ้นได้

เช่นเดียวกับคนรุ่นเก่าก็ต้องยอมรับและรู้จักพึงพอใจกับผลงานของคนรุ่นใหม่ แม้พวกเขาจะมีแนวทางไม่เหมือนเราแต่เขาก็มีวิธีของตัวเองที่ใช้ได้ผลไม่แพ้กัน การยอมรับซึ่งกันและกันจึงสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและเสริมพลังซึ่งกันและกันได้

ภาษิตจีนโบราณบอกว่า ธุรกิจนั้นสร้างง่ายแต่การรักษาให้คงอยู่เป็นเรื่องยาก การสานต่อธุรกิจครอบครัวที่เราเห็นทั้งในประเทศจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ จึงมักสร้างรอยต่อระหว่างรุ่นที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจราวๆ 3-5%  ซึ่งธุรกิจยิ่งมีขนาดใหญ่เราก็จะยิ่งเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น

ธุรกิจครอบครัวในบ้านเรารวมถึงประเทศเพื่อนบ้านก็ไม่แตกต่างกันมากนัก นั่นจึงทำให้ธุรกิจครอบครัวหลายแห่งกังวลใจในผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จึงไม่ย่อมถ่ายทอดอำนาจในการบริหารให้ทายาท ซึ่งนั่นก็สร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นทางอ้อมเช่นเดียวกัน

ปัญหาที่เกิดจากธุรกิจครอบครัวหลายๆ คนอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัวและไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่อาจหลีกเลี่ยงผลของมันได้เลย เพราะองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งในบ้านเราก็ล้วนเป็นธุรกิจครอบครัวทั้งนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงส่งผลเป็นทอดๆ ไปถึงคู่ค้า ผู้ถือหุ้น และลูกค้าที่มีจำนวนมหาศาล

หากการจัดการรอยต่อของการรับช่วงบริหารงานจากคนรุ่นเก่าไม่เป็นไปตามแผน หรือเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ ธุรกิจครอบครัวที่สะดุดลงจึงทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจในระดับประเทศต้องตกต่ำตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้