หลังเลือกตั้งกับผลกระทบ และทางเลือกของธุรกิจ!

หลังเลือกตั้งกับผลกระทบ และทางเลือกของธุรกิจ!

5 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของรัฐบาล คสช. สถานการณ์และความวุ่นวายทางการเมืองค่อนข้างจะนิ่ง

ที่นิ่งเพราะเป็นรัฐบาล คสช.และ ม.44 คอยคุม และทยอยปรับทัศนคติให้กลุ่มต่อต้านนิ่ง ซึ่งก็เป็นข้อดีตรงที่ไม่มีความวุ่นวายหรือชุมนุมปิดถนนเหมือนกับก่อนหน้านี้

แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป... ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม!

1.หลังเลือกตั้ง

หลังเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา กว่าจะได้ข้อสรุปว่า ฝ่ายไหนจะได้เป็นรัฐบาลและบริหารประเทศ ก็ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2 เดือน หรืออาจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมือง ข้อกฎหมาย วันเปิดประชุมรัฐสภา เลือกนายกรัฐมนตรี เรียกว่ากว่าจะได้นายกฯอย่างเป็นทางการ ก็อีกนานเป็นเดือนๆ!

หลังจากได้นายกและรัฐบาลแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ สถานการณ์ทางการเมือง จะไม่สงบเรียบร้อยเหมือนกับ 5 ปีที่ผ่านมา เพราะเป็นรัฐบาลผสม และไม่มี ม.44 เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างที่เคยมี มีความเป็นไปได้ ในช่วงนี้ที่ทั้ง 2 ขั้ว อยู่ระหว่างการต่อรอง การจัดตั้งรัฐบาล จนกระทั่งได้รัฐบาลแล้ว “ความไม่นิ่ง ความวุ่นวายทางการเมือง” ที่เราคุ้นเคยกัน จะกลับมาอยู่ในสภาพที่เคยเป็นอีกครั้ง

2.ผลกระทบ

ผลที่จะเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจที่ทางนึงก็กำลังรับมือการการถูกเทคโนโลยี Disruption อยู่แล้ว ก็จะเจอผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง และรัฐบาลผสมที่สั่นคลอน ความไม่แน่นอนกลับมากลายเป็นเรื่องปกติแบบที่เคยเป็น

ถ้าความวุ่นวายทางการเมืองทั้งแบบ วุ่นวายเล็กๆไปจนถึงวุ่นวายบ่อยๆ เกิดขึ้น กำลังซื้อ อารมณ์ที่จะซื้อของลูกค้าจะลดลง การลงทุนจะชะงักซึ่งเป็นเรื่องปกติ

บริษัทใดที่เคยบ่นว่า ทำมาค้าขายฝืดเคือง เศรษฐกิจไม่ดีในหลายปีที่ผ่านมา จะได้เจอของจริงในปีนี้ว่า ขนาด 5 ปีที่ผ่านมา ภาคการเมืองนิ่ง เพราะเป็นรัฐบาล คสช. กับ ม.44 คุมไม่ให้เคลื่อนไหว มาปีนี้เจอรัฐบาลผสมที่สั่นคลอน เจอฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นคอยก่อกวน แล้วคิดว่า การทำมาค้าขายจะดีกว่า 5 ปีที่ผ่านมาหรือครับ?

ธุรกิจของท่านอาจจะแย่กว่าเดิม ดีเท่าเดิม หรือดีขึ้นกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับ ทางเลือกของท่าน...

3.ทางเลือก

ทางเลือกแรก เลือกที่จะมองในแง่ลบสุดขั้ว ระมัดระวังสุดขีด

ทางเลือกนี้ องค์กรที่อนุรักษ์นิยม หรือ ขี้กังวลมากๆมักจะเป็น คือใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ไม่คิดจะขับเคลื่อน ลงทุนอะไรเลย รอดูแต่สถานการณ์อย่างเดียว กลัว กังวล วิตกว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ เลยสงบทั้งยอดขาย รายได้ก็พลอยสงบตามลงไปด้วย!

ไม่ผิดครับที่จะเลือกทางเลือกนี้... แต่บ่อยครั้ง ทางเลือกนี้มักทำให้สูญเสียโอกาสไปไม่น้อย เพราะไม่กล้าที่จะเสี่ยงอะไรเลย โดยลืมคิดไปว่า ความเสี่ยงที่ส่งผลเสียมากที่สุดคือการไม่เสี่ยงอะไรเลยนี่แหละ!

ทางเลือกที่สอง มองและปรับตัวตามสถานการณ์ เตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจ

ทางเลือกที่สองนี้ จะค่อนข้างเป็นทางสายกลาง คือไม่ถึงกับสงบจนไม่เคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้ผลีผลามบุ่มบ่ามโดยไม่ดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นเลย

ทางเลือกนี้ มีความเสี่ยงบ้าง แต่ไม่มาก มีโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบบ้าง ถ้าคู่แข่งมัวแต่สงบรีๆรอๆ

เพราะบริษัทที่เลือกทางเลือกนี้ มีประสบการณ์มาพอสมควรที่ได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะไม่นิ่ง ทุกอย่างไม่มีความแน่นอน แต่การทำงาน ทำมาหากินหยุดไม่ได้ The Show Must Go On!

ทางเลือกที่สาม ลุยไปข้างหน้าอย่างที่ตั้งใจไว้ ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะนิ่งหรือไม่นิ่งก็ตาม

ทางเลือกที่สาม เป็นทางเลือกของ “CEO ขาลุย” ที่ไม่กลัวความไม่นิ่ง ไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง และความวุ่นวาย เพราะยังไงก็ต้องนำพาธุรกิจให้ก้าวผ่านให้ได้ในทุกสถานการณ์อยู่แล้ว

และ CEO ขาลุย จะมองหาโอกาสในวิกฤติเสมอ ใจถึง มือถึง พอสมควร ถึงจะรู้ว่าเสี่ยงแต่ก็ขอลอง!

รู้ว่ามีโอกาสพลาด โอกาสเจ็บตัว แต่ไม่กลัวเพราะถ้าทำได้ ก็จะก้าวล้ำนำหน้าคู่แข่งไปอีกหลายช่วงตัว

สรุปแล้ว... นับจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ได้รัฐบาลใหม่ (ไม่ว่าจะขั้ว คสช.เดิมเป็นแกนนำ หรือขั้ว เพื่อไทยเป็นแกนนำ) สถานการณ์ของบ้านเมืองจะไม่สงบ จะสั่นคลอน จะมีผลกับธุรกิจของท่านไม่มากก็น้อย และเพื่อให้ผลกระทบ เป็นผลบวกมากกว่าผลลบกับธุรกิจของท่าน ก็ขึ้นอยู่กับท่านว่า จะตัดสินใจรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างไรตั้งแต่วันนี้ คือ เน้นตั้งรับอย่างเดียว หรือรับสลับรุก หรือ ฉวยโอกาสรุกในทุกสถานการณ์!