ร่วมกันยับยั้ง จิตสำนึกที่ไร้ธรรม !!

ร่วมกันยับยั้ง จิตสำนึกที่ไร้ธรรม !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีปัญญา หากคนเรารู้จักใช้ สติสัมปชัญญะ พิจารณาเส้นทางชีวิตภายใต้อำนาจธรรมที่ใช้กฎแห่งกรรมกำกับดูแล

 เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับสัตว์โลกอย่างเสมอภาคกัน คงจะเชื่อมั่นได้ว่า แม้โลกนี้ จะผันผวนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย มีความเกิด-ดับเป็นปกติ แต่สันติสุขย่อมเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจธรรมที่ทุกคนเคารพถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เส้นทางของชีวิตคงจะดำเนินไปทางกุศลกรรมบถ ปิดอกุศลกรรมบถ สัตว์โลกคงดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุขในโลกอารยธรรม

แต่เพราะอำนาจตัณหาที่ก่อฉันทะในกาม จนนำไปสู่ จิตริษยามัจฉริยะ จึงทำให้สัตว์โลกเดินตามเส้นทางอกุศลกรรมบถ และปิดกุศลกรรมบถ เป็นส่วนใหญ่ สังคมมนุษยชาติจึงต้องสร้าง หลักศีลธรรม-จริยธรรม ขึ้น เพื่อให้คนเราศึกษาถึงความเป็นจริงของอำนาจธรรมในรูป กฎแห่งกรรม ที่เป็นนิยามอันโลกต้องยอมรับ

กฎเกณฑ์กรรม จึงถูกกำหนดแน่นอนตายตัว ด้วยอำนาจแห่งธรรม (ธรรมนิยาม) ที่กำกับดูแลโลกนี้และสรรพสิ่งทั้งหลาย แต่ใช่ว่าคนเราจะเกรงกลัวกฎแห่งกรรมจนยอมถือปฏิบัติตามหลักศีลธรรม-จริยธรรม ทั้งนี้ เพราะอำนาจกิเลสที่ควบคุมจิตใจให้คนเราไหลหลงมึนงงจนขาดความรู้ความเข้าใจในสัจธรรมของกฎแห่งกรรม อำนาจแห่งธรรม จึงดำเนินชีวิตไปด้วยความประมาท ให้นำไปสู่การคิด-พูด-ทำในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์และไร้ความเหมาะควร ผิดศีลธรรม

การตรากฎหมายตามหลักประชานิยมจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยกระตุ้น กฎแห่งกรรม ให้ดำเนินงานอย่างฉับพลันทันใด สามารถกำกับดูแลสังคมมนุษยชาติให้ดำรงอยู่ด้วย ความยุติธรรม อย่างเสมอภาคกันได้จริง

แม้ว่า กฎหมาย จะถูกออกแบบมาให้เป็นกฎแห่งกรรมภาคโลกนิยม เพื่อสอดรับกับกฎแห่งกรรมภาคธรรมนิยม แต่ใช่ว่า กฎหมาย จะแสดงประสิทธิภาพได้ตามประสงค์ ทั้งนี้ เพราะหัวใจของกฎหมายแท้จริงคือ จิตวิญญาณของผู้บังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ว่ามีความเที่ยงธรรมในความยุติธรรมหรือไม่

การพัฒนาจิตวิญญาณให้มี ธรรมสำนึก เพื่อทรงไว้ซึ่งความเป็น สุสมาหิตสังกัปปะ (มีความดำริตั้งไว้ด้วยดีโดยชอบแล้ว) นับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการศึกษา เพื่อมุ่งสร้างประทีปนำชีวิตไปสู่ ทิศอันชอบธรรม

การศึกษาในทางโลกที่มุ่งสร้างฐานความรู้ทางโลกวิชาการ เพื่อตอบสนองกิเลส จึงก่อเกิดปัญหาในชีวิต ด้วยมุ่งไปทางโลกนิยม จนขาดสติปัญญา ละทิ้งธรรมนิยม จึงไม่แปลกที่คนในสังคมโลกนิยมจะคิด พูด ทำ สวนกระแสธรรม ดังภาพปรากฏในปัจจุบัน ที่หมู่นักคิด-นักเขียนที่เรียกตนเองว่า คนรุ่นใหม่ ในคราบนักวิชาการทั้งหลาย ที่เก่งแต่นึกคิด แต่ไร้การปฏิบัติให้เป็นผลที่เป็นประโยชน์โดยธรรม

สังคมที่มากไปด้วยคนช่างคิด จึงวุ่นวายกับการพูดแสดงทิฏฐิของตน เพื่อยกตนเหนือผู้อื่นและมองดูสังคมของบรรพชนล้าสมัย ดูถูกเหยียดหยามแม้รอยยิ้มอันใสสะอาด มากไปด้วยเมตตากรุณาของบรรพชน

คนพวกนี้ใฝ่ฝันสร้างสังคมในจินตนาการ คาดหวัง เรียกหา อนาคตใหม่ ที่ตนเองนึกคิดเอาเองว่า สวยงาม ทันสมัย ฉับไว ไม่ล้าหลัง จึงคิดสร้างโลกใหม่ตามจิตสำนึกของตนที่ไร้ธรรม เพื่อตอบสนองความชอบใจด้วยอำนาจกิเลสที่ควบคุมจิตให้ตกอยู่ภายใต้ความอยาก

คนรุ่นใหม่ที่ไร้จิตสำนึกจึงมากไปด้วยความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงสังคม ประเทศ ไปตามกำลังและความเร็วของแรงจินตนาการ... ดังภาวะสังคมที่เริ่มวุ่นวายในยุคไร้วินัยทางความคิด

เสรีภาพแห่งจิตที่ไร้สำนึก อิสรภาพแห่งการกระทำที่ไร้ศีลธรรม จึงน่ากลัวอย่างยิ่งต่อการดำเนินไปของสังคมที่สืบเนื่องอารยธรรมอันสวยงามและสงบมายาวนาน การหยุดยับยั้งแรงกระเพื่อมจากคนรุ่นใหม่ที่ไร้สำนึกทางธรรม อันเป็นผลพวงจากพิษแห่งการศึกษาที่ไร้คุณธรรม จึงเป็นภาระอันสำคัญยิ่งของทุกคน สำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านั้นควรแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอารยธรรมด้วย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ !!

 

เจริญพร

[email protected]