มาตรวัดผู้นำ

มาตรวัดผู้นำ

ในยุคที่มีหลายๆ คนต้องการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ หรือยุคของการผลัดเปลี่ยนผู้นำ คำถามหนึ่งที่น่าคิดคือ จะวัดความเป็นผู้นำได้อย่างไร?

ถ้าในองค์กรธุรกิจ อาจจะมีผู้เสนอให้วัดความเป็นผู้นำได้จากผลกำไรขององค์กร แต่กำไรขององค์กรก็ไม่ได้สะท้อนถึงความผู้นำจริงๆ ของคนใดคนหนึ่งอย่างแท้จริง ในทางวิชาการเริ่มมองกันที่อีกปัจจัยหนึ่งในการวัดผู้นำ นั้นคือความไว้วางใจ หรือ Trust ที่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้องมีต่อผู้นำ โดยถ้าจะวัดในเรื่องของความไว้วางใจนั้น ก็ควรที่จะวัดในสามปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความไว้วางใจของผู้นำ

ประการแรกคือ เรื่องของความซื่อสัตย์และความมุ่งมั่น เราจะพบว่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่และประสบความสำเร็จ จะเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์อย่างสูงอีกทั้งมีความทุ่มเทและมุ่งมั่นต่อการพัฒนาและความสำเร็จขององค์กร ความซื่อสัตย์หรือที่ใช้คำว่า Integrity ในภาษาอังกฤษนั้น ไม่ใช่เพียงเรื่องของการไม่ทุจริต หรือ ไม่โกง เท่านั้น แต่ยังเป็นความซื่อสัตย์ต่อองค์กร โดยการให้ความสำคัญต่อประโยชน์ขององค์กรหรือส่วนรวมมากกว่าเพียงประโยชน์ส่วนตน บุคคลที่เหมาะจะเป็นผู้นำนั้นไม่ใช่ผู้ที่ต้องการชื่อเสียง ความสำเร็จ หรือ การได้รับการยอมรับ เท่านั้น แต่จะต้องเป็นผู้ที่ต้องการและอยากจะปรับปรุง พัฒนา และทำให้องค์กรและส่วนรวมดีขึ้น

นอกจากนี้ความซื่อสัตย์ยังครอบคลุมถึง ความกล้าที่จะยอมรับเมื่อทำผิดพลาด ไม่ใช่การพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงด้วยคำพูด เพื่อให้เสมือนตนเองถูกต้องตลอดเวลา ผู้นำนั้นสามารถที่จะผิดพลาดได้ เพียงแต่เมื่อผิดพลาดแล้ว ก็ต้องยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น และพร้อมที่จะแก้ไขและพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ไม่ใช่การแก้ตัวไปเรื่อยๆ ผู้นำที่ดีจะต้องพร้อมที่จะยอมรับและเปิดกว้างที่จะรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ หรือ ความคิดเห็นที่อาจจะไม่สอดคล้องกับความเชื่อของตนเอง อีกทั้งพร้อมที่จะพิจารณานำความคิดเห็นดังกล่าวไปพัฒนา ปรับปรุงองค์กรด้วย

นอกเหนือจากเรื่องของความซื่อสัตย์แล้ว ความทุ่มเท มุ่งมั่นของผู้นำต่อความสำเร็จขององค์กรและส่วนรวมก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความไว้วางใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อชัดเจนว่าความมุ่งมั่นและทุ่มเทนั้น ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อองค์กรและประโยชน์ส่วนรวม

ปัจจัยประการที่สอง คือการเลือกคนเพื่อมาทำงานในระดับรองๆ ลงไป ผู้นำที่ดีจะต้องมีความสามารถและสัญชาติญาณในการเลือกใช้คนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งสำคัญๆ ในองค์กร ผู้นำจะต้องสามารถมองเห็นศักยภาพที่ซ่อนเร้นของบุคคลที่จะเลือก อีกทั้งจะต้องรู้ด้วยว่าคนประเภทไหนที่เมื่อให้อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบแล้ว จะนำความเดือดร้อนมาสู่องค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่ ความทะเยอทะยาน หรือ ความต้องการ มีสูงมากกว่า ความสามารถ ยิ่งเป็นพวกที่น่ากลัวและอันตราย

ถ้าผู้นำเลือกคนเข้ามาทำงานแล้วพบว่าเลือกผิด ผู้นำก็จะต้องกล้าที่จะแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว มิฉะนั้นความเสียหายที่จะเกิดจากการเลือกคนที่ผิดก็จะนำไปสู่ความเสียหายต่อองค์กรได้ อย่างไรก็ดีการเลือกคนมาทำงานให้ถูกตั้งแต่ครั้งแรกนั้นสำคัญที่สุด เพราะผู้นำย่อมไม่อยากจะมีภาพของการเปลี่ยนทีมอยู่เป็นประจำ

ปัจจัยประการที่สามความสามารถในการคิดและสื่อสารอย่างชัดเจน ผู้นำจะต้องกำหนดทิศทางแและสิ่งที่องค์กรอยากจะเป็น ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นทิศทางที่ทำให้บุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเกิดความกระตือรือร้น ดึงดูดใจ และสนใจ นอกจากคิดให้ชัดเจนแล้ว ยังจะต้องสามารถสื่อสารออกมาเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและน่าดึงดูดใจผู้ที่รับสาร ความง่ายและชัดเจน เป็นปัจจัยที่สำคัญในการสื่อสารสิ่งที่ผู้นำคิดสู่บุคคลอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เริ่มเห็นว่าผู้นำหลายๆ คนเริ่มให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในมากขึ้นเรื่อยๆ

ปัจจัยทั้งสามประการเบื้องต้น เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความไว้วางใจที่คนมีต่อผู้นำ และถือเป็นมาตรวัดเบื้องต้นในการวัดความเป็นผู้นำ ท่านผู้อ่านลองประเมินบรรดาผู้นำหรือผู้ที่อยากจะเป็นผู้นำที่ท่านคุ้นเคยตามทั้งสามปัจจัยข้างต้นดูนะครับ แล้วจะชัดเจนถึงความสามารถในการเป็นผู้นำที่แท้จริงของท่านเหล่านั้น