สานต่อและสืบทอดธุรกิจ(2)

สานต่อและสืบทอดธุรกิจ(2)

เคล็ดลับคือการเลือกสรรที่สุดของทุกสิ่งทุกอย่าง

ธุรกิจครอบครัวที่คงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องยาวนานเกือบ 400 ปีจนกลายเป็นบริษัทข้ามชาติ อันหมายถึงการทำรายได้จากตลาดโลกมากกว่ายอดขายในประเทศของตัวเองที่ผมเกริ่นไว้ในฉบับที่แล้วก็คือซอสซีอิ๊ว “คิคโคแมน(Kikoman)” ที่คนไทยรู้จักกันดีนั่นเอง

คิคโคแมน ถือกำเนิดโดยครอบครัวโมงิตั้งแต่ปี 2146 ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้มีเพียงซอสซีอิ๊วจากตระกูลนี้เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายยี่ห้อ หลายสูตร ซึ่งมีที่มาจากตระกูลต่าง ๆ ที่ทำซอสซีอิ๊วสืบทอดกันมา

แต่ละตระกูลต่างก็ทำซอสซีอิ๊วของตัวเองออกมาขายแข่งกัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องแย่งกันลดราคาเพื่อแย่งลูกค้า สุดท้ายก็ขยายกิจการได้ยากจึงมีการรวมกลุ่มของผู้ผลิตจากตระกูลต่างๆ ทั้งหมด 8 ตระกูลก่อตั้งเป็นบริษัทคิคโคแมนขึ้นเมื่อปี 2460 

เมื่อเกิดความร่วมมือกันแล้ว ซอสซีอิ๊วคิคโคแมนจึงถือว่าได้เคล็ดลับจากสิ่งที่ดีที่สุดของแต่ละตระกูล ไม่ว่าจะเป็นรสชาติซอสซีอิ๊วที่รสชาติถูกปาก การผลิต การขนส่ง การขาย การบริหารจัดการต่างๆ เรียกได้ว่านำสิ่งที่ดีที่สุดของทุกตระกูลเข้ามารวมไว้ด้วยกัน

ความยากลำบากในการทำงานร่วมกันของทั้ง 8 ตระกูลนี้อาจดูเกินกว่าที่เราจะคาดคิดได้ เพราะลำพังแค่ธุรกิจครอบครัวในบ้านเราที่มีเจ้าของเพียงตระกูลเดียวก็ยังยากที่จะบริหารให้ราบรื่นได้ เพราะคำว่าครอบครัวนั้นไม่ได้หมายถึงสมาชิกในสายเลือดเดียวกัน แต่ยังมีลูกเขย ลูกสะใภ้ ญาติที่เข้ามาเชื่อมโยงกันภายหลังจำนวนมากซึ่งต้องแบ่งผลประโยชน์ให้ลงตัวกันทุกฝ่าย

เคล็ดลับของคิคโคแมนอาจดูไม่ซับซ้อนแต่เรียบง่ายและตรงประเด็นมาก นั่นคือการเลือกสรร “ที่สุด” ของทุกสิ่งทุกอย่าง นับตั้งแต่ตัวแทนของแต่ละตระกูลที่จะได้เข้ามาร่วมบริหารนั้นต้องเป็นคนเก่งที่สุดซึ่งคัดเลือกมาได้ตระกูลละ 1 คนเท่านั้น

ธุรกิจครอบครัวหลายๆ แห่งในบ้านเราสะดุดติดขัดเพราะแต่ละคนไม่มีใครยอมใคร นับตั้งแต่สมาชิกรุ่นก่อนกับรุ่นปัจจุบัน หรือสายตระกูลที่อาจไม่ลงรอยกัน ไปจนถึงสมาชิกใหม่ของแต่ละครอบครัวที่แก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน ในขณะที่คิคโคแมนมีธรรมนูญของตระกูลที่สืบทอดกันมาถึง 15 รุ่นและยังคงต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันคือการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบริษัทเท่านั้น

เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว การดำเนินธุรกิจที่ต้องเกี่ยงข้องกับคนทั้ง 8 ตระกูลก็ดูจะง่ายขึ้น เพราะสมาชิกทุกตระกูลเชื่อมั่นในเป้าหมายเดียวกันคือการเติบโตอย่างยั่งยืน การบริหารงานจึงโปร่งใสไร้ปัญหาที่เกิดจากคนในตระกูลขัดแข้งขัดขากันเอง

แม้คิคโคแมนจะเป็นเพียงซอสซีอิ๊วซึ่งดูเป็นสินค้าพื้นฐานที่ไม่ได้มีความหวือหวาแปลกใหม่เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ที่ดูมีสีสันมากกว่า แต่คิคโคแมนก็เลือกที่จะทำให้สินค้าของตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในวิถีชีวิตของคนทั่วไป และปรับเปลี่ยนแนวทางในการทำตลาดให้อยู่คู่กับคนได้ทุกยุคทุกสมัย

จุดเปลี่ยนสำคัญของคิคโคแมนอยู่ที่การขยายธุรกิจไปสู่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2500 ซึ่งไม่ได้จำกัดลูกค้าเป้าหมายอยู่เพียงผู้ที่นิยมอาหารญี่ปุ่น แต่ขยายไปยังอาหารของคนอเมริกันที่สามารถนำคิคโคแมนไปเพิ่มรสชาติให้อร่อยขึ้นได้

ยอดขายของคิคโคแมนในปัจจุบันจึงสูงกว่า 1 แสนล้านบาทซึ่งยอดจากการส่งออกไปจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้นสูงกว่ายอดจำหน่ายในประเทศต้นตำรับเองเสียอีก สะท้อนให้เห็นความสำเร็จของการบริหารที่สืบทอดมาถึง 15 รุ่นได้เป็นอย่างดี