คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว ผลที่ออกมาเหนือความคาดหมายอย่างมากมาย ที่สำคัญ มันบอกถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในยุคที่ 9 ที่กำลังตามมา

 นี่คืออิทธิพลมฤตยูที่ผู้เขียนทำนายไว้  อย่างไรก็ตาม เลือกตั้งนี้ผู้เขียนทำนายไว้หลายครั้ง ลองมาตรวจสอบกันดู

ครั้งแรกอยู่ใน “เลือกตั้ง 2561” เมื่อ 6/10/2560 ทำนายว่า “...นายกฯคนที่ 29 จะหมดหน้าที่ปลายมกราคม 2562 (+/- 1 เดือน) สิงหาคม – ตุลาคม 2561 จะเกิดสัญญาณเลือกตั้ง วันเลือกตั้งอยู่ระหว่างกลางธันวาคม 2561 – กลางมกราคม 2562...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642765)

สิงหาคม 2560 คือช่วงเวลาที่คสช.และรัฐบาลครองอำนาจครบ 3 ปี การเลือกตั้งถูกเลื่อนมาตลอดจากกำหนดแรกสิ้นปี 2558 เสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ จะมีเลือกตั้งไหมและเมื่อไหร่ ? ผู้เขียนได้ทำนายและยึดมั่นมาตลอด พฤษภาคม 2561 ศาลรธน.วินิจฉัยว่าพรป.สส.และสว.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ วันที่ 12 กันยายน มีพระราชโองการโปรดเกล้าพรป.ดังกล่าว สัญญาณเลือกตั้งชัดเจน สิงหาคม – ตุลาคมที่ทายไว้ถูกต้อง

พรป.เลือกตั้งมีผลบังคับใช้หลังประกาศ 90 วัน นั่นคือ 11 ธันวาคม ตรงกับที่ผู้เขียนทำนายไว้ว่ากลางธันวาคม 2561 – กลางมกราคม 2562 แต่วันเลือกจริงเกิด 24 มีนาคม คลาดไป 2 เดือนเศษ ย่อมถือว่าผิด ในมุมผู้เขียนยอมรับได้ เพราะทำนายล่วงหน้าถึงปีครึ่ง ที่สำคัญคือทายเจาะเหตุการณ์เดี่ยว ไม่ใช่แนวโน้มหรือภาพใหญ่ที่เป็นกรอบกว้าง ๆ ส่วนข้อนายกฯหมดหน้าที่ คำทำนายนี้ผิด  ขออภัยด้วยครับ

เพราะผลของสรรพคราส 21 มกราคมและดวงวันเลือกตั้ง ผู้เขียนทำนายว่าประชาชนจะตื่นตัวใช้สิทธิ์กันมาก มันถูกแค่ครึ่งเดียวในวันเลือกตั้งล่วงหน้าที่สูงกว่า 86 % แต่ในวันจริง ใช้สิทธิ์แค่ 66 % เกิดอะไรขึ้น ? คนส่วนใหญ่อยากใช้สิทธิ์ แต่การจัดการของกกต.ที่ผิดพลาดทำให้ต้องรอหลายชั่วโมง บางส่วนจึงเปลี่ยนใจ ในมุมโหราศาสตร์ มันเกิดจากพุธถอยหลังเข้ากุมเนปจูน ก่อให้เกิดความสับสนลังเล

พลังประชารัฐคือพรรคที่ผู้เขียนสนใจเป็นพิเศษ ใน “พลังประชารัฐ” เมื่อ 2/11/2561 ทำนายว่า “...พื้นดวงดีก็จริง แต่จังหวะนี้ดาวจรให้โทษหนัก งานใหญ่ที่หวังไว้ควรเผื่อใจเอาไว้บ้าง...” ( http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645866) ใน “เลือกตั้ง 2562” เมื่อ 23/11/2561 ทำนายว่า “...พลังประชารัฐคือพรรคที่ได้รับผลกระทบหนักจากราหูเมถุน เข้าแล้วจะเล็งลัคน์พลูโตทันทีและส่งผลร้ายทันที...” (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646009) และใน “วันเลือกตั้ง (5)” ทำนายว่า “...พื้นดวงดีทีเดียว ปัญหาคือหลังจาก 23 มีนาคม ดวงจะตกหนัก โอกาสจัดตั้งรัฐบาลเหลือน้อยเต็มที...”

ไม่กี่วันก่อนเลือกตั้ง โพลยังให้พลังประชารัฐได้ที่ 3 หรือ 4 พรรคก็ไม่ปฏิเสธ ผลกลับปรากฏว่าคะแนนสูงเกินคาด ได้สส.เขต 97 ปาร์ตี้ลิสต์ 22 คน คะแนนสูงสุดเกือบ 7.94 ล้าน ชนะเพื่อไทยที่ได้ 7.42 ล้าน มันเหมือนปาฏิหาริย์ชั่วข้ามคืน ทำไม ?

มีหลายเหตุผล แต่ที่สำคัญสุดคือฐานเสียงประชาธิปัตย์หันไปเทคะแนนให้พลังประชารัฐ เห็นได้ชัดมากในกรุงเทพ พปชร.ได้ 12 คน ปชป.สอบตกหมด (ครั้งก่อนได้ถึง 23 คน) มันเป็นเพราะ Positioning ที่ไม่ชัดเจน ปชป.โดดเด่นมากหลังพฤษภาทมิฬ แต่เมื่อทักษิณครองอำนาจ ปชป.กลับเป็นอนุรักษ์นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ พปชร.เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมที่โดดเด่นและมีอำนาจมากกว่า คนจึงทิ้งไปหาพปชร. การตัดสินใจเลิกกั๊กและเป็นขั้วที่ 3 นั้นถูกต้อง แต่มันช้าเกินไป ถ้าประกาศตั้งแต่ธันวาคม อนาคตใหม่จะไม่ได้เกิด ตัวเองจะแข่งกับเพื่อไทยอย่างสูสี ครั้งนี้ถ้าปชป.ร่วมรัฐบาลกับพปชร. เลือกตั้งครั้งต่อไปก็จะยิ่งถูกลืมและเล็กลงไปอีก

แม้ได้คะแนนสูงสุด แต่เพื่อไทยก็ได้สส.เขตมากกว่าถึง 40 คน ทั้ง 2 ขั้วพยายามจัดตั้งรัฐบาล แต่คะแนนรวมก้ำกึ่งกันมาก สถานการณ์พลิกไปมาได้ตลอด ถึงนาทีนี้ยังไม่อาจสรุปได้ว่าทำนายถูกหรือผิด

คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต

ใน “วันเลือกตั้ง (5)” ผู้เขียนชี้ว่ามฤตยูที่กุมลัคน์สนิทในดวงเลือกตั้งคือกุญแจสำคัญที่สุด มฤตยูหมายถึง (1) ความแปลกใหม่ นวัตกรรม (2) การเปลี่ยนแปลง ทำลายเก่าเพื่อสร้างใหม่ (3) กบฏ แหกกฏ ปฏิวัติ (4) อิสรภาพ เสรีภาพ ประชาธิปไตย (5) คนรุ่นใหม่ วัยรุ่น (6) การสื่อสารแบบใหม่ Social Media ฯลฯ เราได้เห็นสิ่งเหล่านี้ครบถ้วน ชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคอนาคตใหม่คือพลังของมฤตยู  ถูกต้องตามที่ผู้เขียนทำนายไว้ (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/646807)

อนาคตใหม่หักปากกาเซียน โพลให้เป็นที่ 6 – 8 ได้แค่ปาร์ตี้ลิสต์ 20 – 30 คน แต่ผลกลับตรงข้าม ได้สส.เขต 30 (บางเขตล้มแชมป์เก่า) ปาร์ตี้ลิสต์ 58 คน คะแนนสูงถึง 5.87 ล้านและได้เป็นที่ 3 อนาคตใหม่ยังได้สส.เขต 9 คนและคะแนนสูงสุดในกรุงเทพ ยืนยันถึงความสำเร็จอย่างสูง ในฐานะพรรคใหม่ที่ไม่มีฐานเสียงและหัวคะแนน Social Media คือช่องทางหลักในการสื่อสารกับประชาชน มันได้ผลดีมากและกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการเมืองไทย

ทั้งอนาคตใหม่และพลังประชารัฐสร้างเซอร์ไพรส์เหมือนกัน แต่พปชร.มีแคนดิเดตเป็นนายกฯและหัวหน้าคสช. มีรัฐบาลหนุนและใช้นโยบายประชานิยมอย่างรุนแรง ทั้งยังดูดกลุ่มสามมิตรเข้ามารวม อนค.กลับเริ่มต้นจากศูนย์ ซ้ำโดนถล่มจากทุกทิศทาง นี่คือความต่างสำคัญ

ผู้เขียนยังทำนายว่า “...พุธกุมภ์กุมเนปจูนสนิทพอดี ชี้ถึงความไม่แน่นอน ผลลัพธ์ที่ไม่ชัดเจน และการประท้วงฟ้องร้องกันวุ่นวาย แม้เปิดสภาได้ แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็ยุ่งยาก ติดขัด ล่าช้า เต็มไปด้วยปัญหาอุปสรรค...”  ผลคะแนนที่สูสีก้ำกึ่งระหว่าง 2 ขั้ว ทำให้สถานการณ์เป็นไปตามคำทำนายได้อย่างไม่ยากเย็น

รธน.ฉบับนี้ออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นพรรคใหญ่ โดยเฉพาะพรรคตระกูลเพื่อ แต่มันกลับเปิดช่องว่างให้พรรคโนเนมอย่างอนาคตใหม่เติบใหญ่อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นผู้เล่นที่น่าเกรงขาม นี่คือสิ่งที่คาดไม่ถึง การเลื่อนเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ก็เช่นกัน ช่วงนั้นกระแสพล.อ.ประยุทธ์แรงมาก อนาคตใหม่ก็เพิ่งสร้างฐานเสร็จ เลื่อนเวลาเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเล็กน้อย กลับทำลายสถานการณ์ใหญ่ อนาคตใหม่พุ่งแรงจนหยุดไม่อยู่

คนคำนวณฤาจะสู้ฟ้าลิขิต ยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว