ประตูหน้า ประตูหลัง ประตูข้าง

ประตูหน้า ประตูหลัง ประตูข้าง

เวลาสร้างบ้าน โดยทั่วไปเราก็มีทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หรือประตูข้าง เข้า-ออกได้ทั้งนั้น

ไม่มีอะไรผิด แต่พอคำว่า “ประตู”ถูกนำมาใช้ในสถานการณ์อื่น ความหมายมันอาจเปลี่ยนไป

เช่นการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยทั่วไปก็ผ่านขั้นตอนปกติ แต่บางกรณีอาจแหวกแนวออกไปหน่อย ที่เรียกกันว่า “Backdoor Listing แปลตรงๆก็คือเข้าทาง ประตูหลัง ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ใช้คำว่า “การจดทะเบียนโดยอ้อม” เป็นวิธีการที่อาจจะต้องอธิบายกันยาวในทางเทคนิค แต่สรุปว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ก็แล้วกัน ถ้าหากดำเนินการตามกติกา

คำว่า ประตูหลัง บางทีก็ถูกนำไปใช้ในการวิ่งเต้น เมื่อการวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจโดยตรง อาจทำได้ยาก หรือสุ่มเสี่ยงต่อการรับรู้ของบุคคลแวดล้อม ก็หลีกเลี่ยงไปใช้วิธีเข้าทาง “หลังบ้าน” ถ้าเจ้าของบ้านยินดีเปิด ประตูหลัง ให้เข้าพบ ก็มีโอกาสวิ่งเต้นได้ผลมากกว่า

วันนี้ผมจะเล่าเรื่อง ประตู เมื่อนำมาใช้กับมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดังระดับโลก

สองสัปดาห์ก่อน เจ้าหน้าที่ของอเมริกาได้กล่าวหาคนดัง 50 คนว่าทำการทุจริต เพื่อให้ลูกหลานได้เข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยดัง ที่มีรายชื่อตั้งแต่ Stanford, Yale,USC และอีกหลายมหาวิทยาลัย

บรรดาคนดังที่ถูกกล่าวหา มีดาราสาวรวมอยู่ด้วย 2 คน คือ Felicity Huffman จากซีรี่ย์ดัง “Desperate Housewife" ซึ่งจ่ายเงินเพื่อให้ลูกสาวอายุ 18 ปี ได้คะแนน SAT สูงขึ้น และ Lori Loughlin จากซีรี่ย์ “Full House”ซึ่งจ่ายเงิน U.S.$ 500,000เพื่อทำเอกสารปลอมว่าบุตรสาวสองคน เป็นนักกีฬาพายเรือ จนได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียน และเป็นนักกีฬาที่ USC ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นนักกีฬาประเภทนี้มาก่อนเลย

นอกนั้นก็เป็น ซีอีโอ ในวงการธุรกิจและวงการต่างๆ ซึ่งรวมถึง Doughlas Hodge อดีต ซีอีโอ ของ PIMCO ที่เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาได้จ่ายเงินเพื่อให้ลูกสองคน ได้เข้าเรียนที่ USC ในฐานะนักกีฬาเช่นกัน และ Gordon Caplan ซึ่งเป็นถึงประธานบริษัทที่ปรึกษากฎหมาย ก็ถูกกล่าวหาว่าจ่ายเงิน U.S.$ 75,000 เพื่อให้บุตรสาวได้คะแนน SAT สูงขึ้น

เรียกว่า คนดังและคนรวย ทั้งนั้นแหละครับ

คนรวย หน้าตาดี มีฐานะทางสังคม แต่กลับเลือกใช้วิธีการที่ผิดกฎหมาย เพื่อให้ลูกได้เข้าเรียน ตั้งแต่แอบส่งคำตอบในระหว่างการสอบ SAT และ ACT แก้ไขคะแนนให้สูงขึ้น หรือร่วมมือกับโค้ชของมหาวิทยาลัย ทำเอกสารปลอมว่าสมควรให้รับเด็กเข้าเรียนในโควต้านักกีฬา เป็นต้น

บางรายไปไกลถึงขนาด โฟโต้ช้อป เอาใบหน้าของเด็กผู้สมัคร ไปปะลงแทนหน้าของนักกีฬาตัวจริง เพื่อให้เห็นรูปร่างที่แข็งแกร่ง ซึ่งเรื่องอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศพัฒนาแล้วอย่างอเมริกา แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

คนดังเหล่านี้ ทำเองไม่ได้หรอกครับ คนที่ทำให้เกิดขึ้นได้ชื่อว่านาย William Singer เจ้าของธุรกิจที่ปรึกษาด้านการศึกษา ซึ่งเรียกค่าบริการจากบุคคลเหล่านี้ และได้เงินไปแล้วถึง 25 ล้านดอลล่าร์ หลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งที่ FBI ได้มา ก็คือเทปบันทึกเสียง ที่นาย Singer สนทนากับลูกค้ารายหนึ่ง

เขาพูดกับลูกค้าว่า....ทางเข้ามันก็มีทั้ง ประตูหน้า (เข้าเอง สอบแข่งขันตามปกติ) ประตูหลัง (เช่นบริจาคเงินสนับสนุนมหาวิทยาลัย อย่างถูกต้อง) ซึ่งก็ต้องใช้เงินมากกว่าถึง 10 เท่า แต่ผมสร้าง ประตูข้าง ให้คุณนะ”

ประตูข้างของเขา ก็คือการโกงด้วยวิธีต่างๆ อย่างที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยออกมา นั่นแหละครับ

ความจริงการโกงเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยดัง ได้ปรากฎเป็นข่าวบ่อยครั้้ง แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า การทะลายขบวนการโกงครั้งนี้ เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา

นาย Singer ถูกจับ เขารับสารภาพทุกประการ ส่วนเด็กๆที่สอบเข้า ซึ่งบัดนี้ก็กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยดังไปตามๆกัน (อย่างไม่ถูกต้อง) เจ้าหน้าที่บอกว่าเด็กเกือบทั้งหมดไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นการกระทำของพ่อแม่ทั้งสิ้น ก็คงจะแบบ พ่อแม่รังแกฉัน นั่นแหละครับ

ถึงตอนนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เด็กเหล่านั้นรู้สึกอย่างไร และพวกเขาจะคบหา มองหน้าเพื่อนร่วมสถาบัน ได้อย่างไร

ผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแล้ว ท่านก็คงได้ข้อมูลยืนยันว่า ใครที่บอกว่ารวยแล้วไม่โกงนั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะการรวย กับ การโกง เป็นคนละเรื่องกัน และทุกวงการก็มีคนรวยที่โกง จน(บางครั้งก็)​ถูกจับได้ ทั้งนั้น

การโกงอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องเงิน แต่โกงเพื่อเกียรติ เพื่อศักดิ์ศรี เช่นโกงเข้ามหาวิทยาลัย โกงเอกสารขอรับพระราชทานเครื่องราชฯ โกงเพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมือง ฯลฯ

ส่วนการโกงเพื่อเงินนั้น บางคนอาจไม่กล้าเสี่ยงถ้าเป็นเงินจำนวนไม่มากนัก แต่ถ้าถูกเย้ายวนด้วยเงินจำนวนมากพอ บางคนก็เริ่มหวั่นไหว เริ่มคุมใจไม่ได้เหมือนกัน แม้กระทั่งคนรวยที่มีเงินมากมาย และผลประโยชน์ที่เป็นเงินมันนิดเดียว เมื่อเทียบกับความมั่งคั่งของตน แต่ก็ยังอดใจไม่ได้ แบบนี้ มีให้เห็นเสมอ

วันมะรืนนี้ อาทิตย์ที่ 24 มีนาคม ประเทศไทยจะมีการ สอบเข้า ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 8 ปี มีผู้เข้าสอบมากกว่า 10,000 คน แต่มีที่นั่งเพียง 500 ที่เท่านั้น มหกรรมการแย่งชิงที่นั่งครั้งนี้ร้อนแรงตลอดมา จนถึงโค้งสุดท้ายคือวันนี้และพรุ่งนี้ ส่วนใครจะสอบได้ ใครสอบตก ก็อดใจรออีก 60 ชั่วโมง เท่่านั้น

การสอบเข้าครั้งนี้ โดยหลักการทุกคนก็ต้องเข้าทางประตูหน้า แต่เพียงอย่างเดียวแหละครับ จะยอมให้มีประตูหลัง หรือ ประตูข้าง ไม่ได้เลย แถมยังมีกรรมการคุมสอบระยิบระยับไปหมด

แต่การเลือกตั้งในบ้านเรา ที่มีมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งก็มักจะมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลปรากฎให้เห็น แถมบางครั้งยังมีนวัตกรรมการสร้างประตูหลัง ประตูข้าง แบบแปลกๆ ให้เห็นอีกด้วย

ผมก็เพียงแต่หวังว่า คอลัมน์ “ศุกร์ เว้น ศุกร์” ของผมในอีก 2 สัปดาห์หน้า ผมจะไม่ต้องกลับมาเขียนเรื่องประตูหน้า ประตูหลัง หรือข้าง อีกครั้ง ด้วยเหตุว่ากรรมการคุมสอบ ได้ตรวจพบว่าท่านผู้ทรงเกียรติบางคน ที่คะแนนสอบซึ่งนับได้ เมื่อคืนวันที่ 24 มีนาคม ผ่านฉลุย นั้น

กลายเป็นว่า บางท่านได้แอบเข้าทาง ประตูหลัง และ ประตูข้าง.....อีกแล้ว