มาใช้ชีวิตที่ เชื่องช้า กันเถอะ

มาใช้ชีวิตที่ เชื่องช้า กันเถอะ

ท่ามกลางความเร่งรีบของชีวิตในปัจจุบัน ที่ทุกอย่างดูจะเร่งรีบไปหมด ทั้งการทำงานและชีวิตส่วนตัว ทำให้ในต่างประเทศ

เริ่มมีกระแสความเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามที่จะให้ความสำคัญกับ ความช้า หรือ Slowness กันมากขึ้น ถึงขึ้นมีการตั้ง The World Institute of Slowness ขึ้นในประเทศนอร์เวย์ ที่สนับสนุนการใช้ชีวิตที่ช้าลง มีงานวิจัยหลายๆ ชิ้นที่สนับสนุนว่าการใช้ชีวิตที่ช้าลงนั้นจะส่งผลให้แต่ละคนมีชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น มีความสุขขึ้น และมีผลิตภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดีความเชื่องช้านั้น ไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตประจำวันอย่างเชื่องช้าไปเรื่อยๆ ทั้งวัน แต่เป็นการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างความเร่งรีบ กับ ความเชื่องช้า

เมื่อต้นปีนี้ มีบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ที่ระบุและแนะนำเลยว่าในช่วงเช้าของแต่ละวันหลังตื่นนอนให้ใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้า โดยเมื่อตื่นนอนแต่เช้า ให้พยายามที่จะไม่ทำอะไรที่เร่งรีบและวุ่นวายในช่วงเช้าเลย โดยการใช้ชีวิตในลักษณะดังกล่าวจะทำให้การทำงานตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยผลิตภาพ ความสงบ และความคิดสร้างสรรค์ มากขึ้น การใช้ชีวิตที่เชื่องช้าในช่วงเช้านั้นสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การนั่งสมาธิ การแช่น้ำอยู่เฉยๆ นานๆ หรือ แม้กระทั่งการนั่งนิ่งๆ นานๆ โดยไม่ทำอะไรที่ทำให้ชีวิตถูกรบกวน (เช่น เช็คข้อความในโทรศัพท์มือถือ) ความเชื่องช้าในช่วงเช้าก็จะทำช่วยทำให้สามารถผ่านการทำงานตลอดทั้งวันได้ด้วยดีมากกว่าเดิม เนื่องจากเมื่อพ้นช่วงเช้าที่เชื่องช้าแล้ว ชีวิตการทำงานตลอดทั้งวันจะมีแต่ความเร่งรีบและวุ่นวาย

นอกจากนี้ ยังมีผลวิจัยที่ระบุอีกด้วยว่าวิธีการจัดตารางการทำงานที่ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่การทำงานอย่างเร่งรีบต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แต่จะต้องหยุดพัก (แบบพักจริงๆ) เป็นระยะๆ โดยเป็นงานวิจัยที่ศึกษาการทำงานของสมองคนเทียบกับผลิตภาพในการทำงานนั้น และพบว่าโดยอุดมคติแล้วอัตราส่วนระหว่างการทำงานกับการพักอยู่ที่ 52 นาทีในการทำงานตามไปด้วยการพักเป็นระยะเวลา 17 นาที ถ้าคิดแบบคร่าวๆ นั้นพบว่าคนจะสามารถทำงานอย่างมีสมาธิต่อเนื่องประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นร่างกายและสมองจะเริ่มล้า แต่ถ้าสามารถพักได้เป็นเวลา 15-20 นาที และเป็นการพักอย่างจริงจัง ที่ไม่ใช่การเช็คข้อความ หรือ เช็คอีเมล หรือทำอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับงาน โดยการพักที่ดีที่สุดคือ การเดินเล่น อ่านหนังสือ หรือ พูดคุยกับคนอื่น (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน)

การใช้ชีวิตที่ช้า หรือ Slow living นั้นเป็นเรื่องของความสมดุล ที่สลับกันระหว่างความเร่งรีบที่เกิดขึ้นจากสภาพการในปัจจุบัน กับการใช้ชีวิตที่เชื่องช้าสลับกันไปไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาช่วงเช้าอย่างเชื่องช้า หรือ การได้หยุดพักอย่างจริงจังเมื่อทำงานครบ 1 ชั่วโมง การใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้านั้นจะทำให้เรามีเวลาสำหรับเรื่องราวต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าเป็นเวลาสำหรับความสงบ เวลาในการคิด เวลาในการสังเกต เวลาสำหรับบุคคลอันเป็นที่รักมากขึ้น

ทาง World Institute of Slowness ได้ให้ข้อแนะนำง่ายๆ สำหรับการใช้ชีวิตที่ช้าลงในชีวิตประจำวันไว้หลายวิธีด้วยกัน อาทิเช่น การไม่ต้องรีบในทุกๆ เรื่อง หรือ การอย่าทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน (Multitasking) หรือ การยอมให้มีช่วงเวลาหนึ่งในตอนกลางวันนั่งฝันหวาน หรือ การทำงานสลับกับการพัก (ตามที่เวลาที่ได้เขียนไว้ข้างต้น) หรือ การไม่อ่านข้อความหรืออีเมลในช่วงกลางคืนหรือวันหยุด หรือ การให้เวลากับคนที่เรารักโดยไม่ถูกรบกวนจากสื่อต่างๆ อย่างแท้จริง เป็นต้น

มาลองใช้ชีวิตที่เชื่องช้ากันบ้างในโลกที่ทุกอย่างดูจะเร่งรีบและรวดเร็วไปหมดนะครับ และอาจจะพบว่าการใช้ชีวิตที่เชื่องช้าบ้าง อาจจะดีกว่าความเร่งรีบตลอดเวลา