..จะมีประโยชน์อันใด .. หากใจไร้ธรรม !!

..จะมีประโยชน์อันใด .. หากใจไร้ธรรม !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตสติปัญญา ในพระพุทธศาสนาของเรามีพระธรรมคำสั่งสอนที่เป็น “ธรรมาธิปไตย” 

 หมายถึง ถือธรรมเป็นใหญ่ .. เป็นธง .. เป็นตรา พุทธบริษัทไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุ อุบาสก-อุบาสิกาทุกสาขาอาชีพ ทั้งนักปกครอง นักบริหาร นักการเมืองที่ดี จึงต้องเป็นผู้รู้ธรรม คือ รู้สิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง .. ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ..ผู้รู้ธรรม คือ ผู้รู้จริง .. และจักพูดแต่คำจริงที่เป็นประโยชน์...

การพูดคำจริงแท้ เป็นประโยชน์ อ่อนหวาน สมานมิตร สร้างสรรค์สังคมให้เกิดความรักสามัคคีอย่างมีสติปัญญา.. นั่นเป็นวิสัยของผู้รู้ธรรมที่ควรอาสาเป็นผู้นำพามหาชน ...หากพูดแต่คำเท็จ คำลวง หรือแม้พูดคำจริงแต่ไร้ประโยชน์ และเป็นไปเพื่อให้เกิดความร้าวฉานในสังคม นั่นไม่ใช่วิสัย...

ผู้รู้ธรรมมีคุณธรรมความดี จึงควรแก่การอาสาสร้างธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อความเสมอภาค สิทธิเสรีภาพและหน้าที่ และภราดรภาพของมหาชนอย่างยุติธรรม อันเป็นไปตามหลักนิติธรรมของรัฐ ที่อนุวัติตามหลักธรรมในพระศาสนา เพื่อจะก่อให้เกิดความเป็นธรรมในทุกภาคส่วน...

ในห้วงเวลาที่สังคมกำลังดำเนินไปตามกระแสการเมืองในครรลองระบอบประชาธิปไตย สิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้ คือ การดำรงอยู่อย่างมีสติปัญญา เพื่อขจัดความลำเอียง(อคติ)ออกจากจิต จะได้ไม่ประพฤติล่วงธรรม ด้วยอคติธรรมอันเป็นตัวทำลายความยุติธรรมโดยสิ้นเชิง เพราะเมื่ออคติธรรมเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ใด ก็จักเกิดความชอบใจที่จะนำไปสู่การละทิ้งความชอบธรรม .. อย่างไม่มีเยื่อใย จึงควรละอคติธรรมด้วยการเจริญสติปัญญา เพื่อการตัดสินใจอย่างเที่ยงธรรม...

“ความเที่ยงธรรม” เป็นวิสัยของบัณฑิต (คนดีมีปัญญา) จะตัดสินใจเรื่องใดๆ จะถือหลักธรรมเป็นใหญ่และหลักนิติธรรมประกอบเสมอ และจะดำเนินไปด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา ไม่ว่าจะคิด พูด ทำ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง จะไม่ใช้อคติธรรมนำชีวิต จนนำไปสู่การใช้วาจาทุจริตกล่าวทิ่มแทงทำร้ายกัน ไม่ว่าเรื่องราวเหล่านั้นจะจริงหรือไม่ก็ตาม...

จึงควรอย่างยิ่งต่อการช่วยกันคัดเลือกบุคคลที่ดี มีจริยธรรมที่เหมาะสม เพื่อเข้ามาใช้อำนาจตามกฎหมายในการบริหารจัดการปกครองแผ่นดิน หากได้บุคคลที่ขาดคุณสมบัติ ขาดจริยธรรม มีแต่ความรู้ทางโลกอย่างเดียว ก็ย่อมจักเป็นเหตุให้นำมลทินมาแปดเปื้อนแผ่นดิน สังคมจักวุ่นวาย ไร้ความสงบ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกับวัตถุ สิ่งของ เงินทอง ที่ได้มา หากชีวิตต้องดำเนินไปอย่างไร้ความสงบสุข ..สังคม ประเทศชาติ ไร้ความรักสามัคคี... ครอบครัว ชุมชน ย่อยสลายจากคุณความดีดังที่เคยมีมา...

ห้วงเวลาในปัจจุบัน สังคมของเรายังต้องการพลังรักสามัคคีจากทุกคนในชาติ .. การดำเนินกิจกรรมใดๆ ทางสังคม การเมือง จึงควรดำเนินไปภายใต้จิตสำนึกของความเป็นชาวไทยผู้รักชาติ เคารพต่อสถาบัน อันเป็นเสาหลักค้ำชูแผ่นดินสืบมายาวนานมากกว่า ๗๐๐ ปี ของความเป็นชาติไทย ที่ดำเนินสืบเนื่องมาได้เพราะผู้นำปกครองแผ่นดินยึดมั่นในหลักธรรม เป็นผู้รู้ธรรม เป็นผู้มีธรรม สรรเสริญระบอบธรรมาธิปไตย จึงสามารถสร้างธรรมให้เกิดขึ้นในประเทศชาติได้

ความเป็นสังคมที่ดำรงอยู่ในระบอบธรรมาธิปไตย จึงสำคัญกว่าทุกระบอบในโลกนี้

แม้ชาวโลกจะชื่นชมว่า นี่คือระบอบประชาธิปไตย แต่จักมีประโยชน์อันใด หากหัวใจ(ประชาชน)ของระบอบดังกล่าว ไร้คุณธรรม !!

 

เจริญพร

[email protected]