สำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องเก่งเหนือใคร

สำเร็จได้โดยไม่จำเป็นต้องเก่งเหนือใคร

ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องอาศัยการมีความสามารถพิเศษเหนือใคร

ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีนิตยสารมาสัมภาษณ์ดิฉัน 2 ฉบับ ทั้ง 2 ฉบับถามเหมือนกันว่า อะไรคือเคล็ดลับการเติบโตในสายอาชีพของดิฉัน ดิฉันตอบอย่างไม่ลังเล นั่นคือ “ชีวิตแต่งงาน” ทันทีที่ตอบไป ดิฉันก็แอบตกใจกับตัวเองว่าทำไมเราถึงตอบไปอย่างนั้น

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดิฉันได้เดินทางไปจ.ระยองกับครอบครัวและเพื่อนสนิทกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 30 คน เพื่อฉลองครอบรอบแต่งงาน 10 ปี ในช่วง 3 วันที่พวกเราฉลองอย่างสนุกสนาน สิ่งหนึ่งที่สะท้อนขึ้นมาในความคิดของดิฉันคืออันที่จริงแล้ว ความสำเร็จไม่จำเป็นต้องอาศัยการมีความสามารถพิเศษเหนือใคร เพียงแต่นำเอาพื้นฐานการใช้ชีวิตคู่มาเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอาชีพ 

และสำหรับคนที่ไม่ได้แต่งงาน ก็สามารถนำเอาหลักการใช้ชีวิตกับครอบครัว พ่อ แม่ พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา เพื่อนฝูง มาใช้ได้เช่นกัน

ความไว้ใจเป็นรากฐานที่สำคัญของการทำงาน ความไว้ใจนี้ถูกสร้างจากการมีครอบครัวที่คอยสนับสนุน เมื่อคุณรู้ว่าคุณกำลังได้รับการสนับสนุน คุณจะทึกทักเอาว่าคุณสามารถสร้างทางเลือกได้มากขึ้น กล้าเสี่ยงมากขึ้น กล้าทำในสิ่งที่ท้าทายมากขึ้น เพราะรู้ว่าเมื่อคุณเจ็บกลับมา ยังมีคนที่บ้านคอยรักษาแผลใจให้คุณอยู่ ส่งผลให้คุณมีโอกาสเติบโตมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีสุขภาพกายใจดีขึ้น

ความสัมพันธ์ในแต่ละครอบครัวไม่ได้มีกฎตายตัว มี KPI เพียงข้อเดียวคือ เราจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้เข้มแข็งขึ้น และสิ่งเหล่านี้หากเอามาใช้ในการทำงาน แน่นอนที่สุดคุณจะประสบความสำเร็จได้แบบที่ไม่จำเป็นต้องเก่งเหนือใคร

เคล็ดลับ 5 ข้อจากชีวิตคู่สู่ความสำเร็จในงาน

1. สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ง่ายที่สุดคือ “ทำในสิ่งที่พูด” ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ได้บอกว่าคุณในฐานะผู้นำครอบครัวมีสิทธิ์หรืออำนาจพิเศษในการไม่รักษาสัญญา ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ส่วนใหญ่ความไม่วางใจเกิดจากการผิดสัญญาในเรื่องเล็ก ๆ ด้วยซ้ำ หากเกิดในองค์กรยิ่งน่ากังวลเพราะเมื่อคนมองว่าคุณเป็นผู้นำที่ไม่รักษาคำพูด และเมื่อเขาสูญเสียความไว้วางใจจากคุณไปแล้ว มันยิ่งยากที่เรียกกลับคืน

2. ต้องรู้ภารกิจสำคัญของผู้นำ ผู้นำมีภาระหน้าที่มากมาย แต่ภารกิจที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้นำคือ “การส่งเสริมผู้อื่น” เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ในครอบครัว มันสำคัญมากที่จะขอบคุณ ชื่นชม ในสิ่งที่สมาชิกในครอบครัว สมาชิกในองค์กรทำให้คุณ

3. สร้างพลังบวก ในโลกที่เรากำลังอยู่กับข้อมูลข่าวสารความท้าทายทางธุรกิจลบ ๆ บางครั้งมันยากที่จะดึงตัวเองให้คิดบวก แต่เมื่อคุณเดินเข้าบ้าน คุณต้องการความเข้าใจจากคนในบ้านเป็นพลังให้คุณผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับความสัมพันธ์ในที่ทำงาน คนในทีมก็ต้องการพลังบวกจากคุณในฐานะผู้นำเหมือนกัน ยิ่งในช่วงที่เจอแรงกดดันจากภายนอก การให้กำลังใจ สร้างพลังบวกภายในทีม ถือเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจอย่างหนึ่ง

4. เลิกคิดว่าอีกฝ่ายไม่เก่ง ต่อให้ลูกคุณจะสอบได้ที่เท่าไหร่ เขาก็เก่งที่สุดในสายตาคุณ เมื่อมั่นใจในศักยภาพของคนในครอบครัว คุณจะสนับสนุนให้เขากล้าเสี่ยง เปิดรับโอกาสใหม่ที่ดีกว่า ช่วยพัฒนา เพื่อความสุขและการเติบโตของอีกฝ่าย สำหรับชีวิตทำงานแล้ว ในฐานะผู้นำเพียงเชื่อว่าทีมงานของคุณมีศักยภาพ พัฒนาได้ หาโอกาสคุยแบบตัวต่อตัว เป็นไงบ้าง มีอะไรให้ช่วยไหม ฟังอย่างตั้งใจเพื่อมุ่งมั่นช่วยพัฒนา ก็ช่วยให้ทีมงานเก่งและเติบโตไปกับคุณ

5. เป็นต้นแบบที่ดี ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากสอนให้ลูกเป็นคนเลว แม้ทุกวันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่คุณควบคุมไม่ได้ เช่นต้องเดินทางประชุมต่างประเทศ เลิกงานดึก พลาดไปประชุมผู้ปกครอง แต่สุดท้ายพ่อแม่ทุกคนจะใช้เวลาที่มีมากน้อยต่างกันแสดงตนเป็นต้นแบบที่ดีในแบบของคุณ เช่นเดียวกันกับการทำงานกับทีม มันสำคัญมากที่คุณจะทำอะไรดี ๆ ให้ทีมได้เลียนแบบ เน้นพฤติกรรมที่มั่นใจว่าเป็นแบบอย่างที่ดีที่คนอื่นจะทำตาม