ข้อที่ต้องเปลี่ยนแปลงของวัด เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับชุมชน

ข้อที่ต้องเปลี่ยนแปลงของวัด เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับชุมชน

กรณีอันธพาลบุกเข้าไปกระทืบคนถึงในโรงเรียนวัดที่พึ่งเกิดขึ้น น่าจะทำให้เกิดการจัดระเบียบวัดไม่มากก็น้อย

 นอกเหนือจากที่ต้องจัดระเบียบคน “ตลาดล่าง” กันบ้างว่า จะดำรงชีวิตกันอยู่โดยใช้แบบนี้อย่างนี้ไม่ได้ วัดนั้นสัมพันธ์กับชุมชนมาทุกยุคสมัย ในความสัมพันธ์นั้นต้องอะลุ้มอะล่วยกัน เพราะถ้าวัดตึงเกินไปถือว่าตนเป็นฝ่ายที่ชาวบ้านต้องให้ความเคารพ เราก็เห็นการประท้วงขับไล่เจ้าอาวาสอยู่เนืองๆ แต่ถ้าย่อหย่อนเกินไปปัญหาก็เกิดในชุมชน หรือต่อคนนอกชุมชนและต่อภาพลักษณ์พุทธศาสนาโดยรวมอย่างในกรณีนี้ ดังนั้น การปรับเปลี่ยนย่อมต้องเกิดขึ้น

เอาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้ทั้งทางตรงและทางอ้อมก่อนเลย เริ่มจากคนขอบวช ทางวัดสมควรสืบประวัติคนขอบวชก่อน บ่อยครั้งที่มีคนหนีคดีมาขอบวช ต้องตรวจสอบฐานความผิดนี้กับตำรวจก่อน คนที่ลักษณะไม่เหมาะสมแก่การบวชก็ต้องไม่ให้บวช  จะมาอ้างว่าเกรงจะละเมิดสิทธิมนุษยชน ห้ามไม่ได้นั้นไม่ควร เพราะนี่คือข้อห้ามที่มีไว้ก่อนแล้วทางศาสนา ถ้าคนประเภทนั้นมีใจรักทางศาสนา เขายังอุทิศตัวให้ธรรมโดยการเป็นอุบาสก อุบาสิกาที่ดีได้ ไม่ใช่ต้องได้เป็นพระไปเสียทุกคน เช่นกันกับผู้ที่เกกมะเหรกเกเร เป็นนักเลงประจำถิ่น คนพวกนี้พ่อแม่อยากให้บวชก็จริง แต่วัดไม่สมควรบวชให้ คติที่ว่าองคุลีมาลยังกลับกลายเป็นคนดีได้หากได้อยู่ในผ้าเหลืองนั้นอาจต้องปรับความคิดใหม่ คนไม่ดีอย่าให้กลายมาเป็นพระที่ทุกคนกราบไหว้ วัดอาจดัดนิสัยคนไม่ดีเหล่านี้ได้ด้วยการให้เข้าเป็นเด็กวัดที่มีสถานภาพต่ำ และใช้การฝึกอย่างเป็นระบบและเข้มงวดให้เด็กนั้น วัดเคารพต่อพระและชาวบ้าน น่าจะเป็นหนทางดัดนิสัยคนไม่ดีที่ดีกว่าการบวช

วัดต้องใส่ใจศึกษาและตรวจสอบการจัดงานที่เกี่ยวข้องกับชาวบ้าน เพราะวิถีชีวิตของฆราวาสนั้นแตกต่างจากสงฆ์  ยิ่งก้าวเข้าสู่การทันสมัยมากขึ้นเท่าใด ชีวิตฆราวาสก็โลดโผนเสรีมากขึ้นเท่านั้น บางทีก็คำนึงถึงสิทธิของตนมากกว่าความรับผิดชอบต่อสังคม การกระทำไม่เหมาะสมหลายอย่าง จึงอาจเกิดขึ้นในเขตวัด ไม่ว่าจะเป็นการรื่นเริงเกินพอดีในทุกงาน การกินเหล้าเล่นพนันส่งเสียงดังไปจนถึงชกต่อยตีกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นถ้าวัดใส่ใจปิดกั้นโอกาสที่จะเกิดขึ้นเสียแต่ในชั้นต้น และกล้าที่จะหยุดยั้งหากเกิดเหตุไปแล้ว

ในที่นี้วัดไม่ควรอ้างเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่ออนุญาตให้จัดงานแล้วก็แล้วแต่เจ้าภาพ คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องขึ้น  ในงานบวชวัดไม่ควรอนุญาตให้มีวงดนตรีใช้เครื่องเสียงขนาดใหญ่เล่นเพลงกึ่งลามกชวนคึกคัก เพราะวัดน่าจะเป็นสถานที่พึงสำรวมไม่ใช่พึงสนุก งานวัดประจำปีก็เช่นกัน แม้ว่าจะมีมหรสพเพื่อเรียกให้คนมาเข้าวัดทำบุญ แต่วัดก็ต้องลงไปดูบ้าง ไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลยและปล่อยให้มีการกระทำที่กึ่งต่อผิดศีล 5 ปลุกเร้าตัณหาหรืออารมณ์คึกคะนองต่อยตีอยู่ในเนื้อในของงาน วัดต้องมีการประสานกับผู้นำชุมชน พ่อค้าผู้จัดงานย่อยและตำรวจอย่างใกล้ชิด

วัดจำนวนมากรักษาความสัมพันธ์กับชุมชนได้ดีอยู่แล้วในด้านของการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนหลายอย่าง ตั้งแต่จัดตั้งโรงเรียนพุทธศาสนา สร้างโรงพยาบาล ไปจนถึงการจัดให้มีตลาดนัด ในการนี้วัดต้องระดมเงินจำนวนมาก ทางหนึ่งที่ง่ายที่สุด คือ การจัดสร้างวัตถุมงคลหรือชักชวนทำบุญบูรณะสร้างอาคารต่างๆ แต่เท่าที่สังเกต สมัยนี้วัดจำนวนมากมุ่งไปในทางพุทธพาณิชย์จนเกินพอดี สิ่งนี้จะสร้างความน่าเบื่อหน่ายต่อชุมชนในระยะยาว  ขณะที่ภาพลักษณ์ของวัดในวงกว้างก็จะไม่ดีนัก คนนอกเข้าวัดก็จะไม่หวังอะไรนอกจากความสนุกและบุญ ส่วนความรู้หรือศรัทธาในศาสนาจะลดลง วัดควรตระหนักในประเด็นของความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

ในยุคปัจจุบัน การจัดสร้างศาสนสถานขนาดใหญ่หรือขายพระเครื่องอวดปาฏิหาริย์เกินพอดีนั้นถูกตั้งคำถามจากสังคมภายนอกพออยู่แล้ว กับชุมชนรอบวัด เรื่องพวกนี้พอยอมรับได้หากพระสงห์ในวัดมีศีลปฏิบัติเพียงพอและช่วยเหลือชุมชนบ้างตามสมควร ชาวบ้านจะห่างเหินและเสื่อมศรัทธาวัดกับกรณีที่วัดดื้อรั้นไม่ฟังเสียงชาวบ้าน หรือพระประพฤติตัวไม่เหมาะสม  เรื่องพวกนี้ชาวบ้านมีทั้งรู้ดีและคิดว่ารู้ ดังนั้นวัดที่ระมัดระวังในเรื่องนี้ต้องเตรียมการป้องกันครหาไว้ก่อน นอกเหนือจากการ”ต้อง”ตรวจสอบได้เรื่องเงินและทรัพย์สินของวัด ด้วยการให้คนกลางหรือมืออาชีพเป็นผู้ดำเนินการ ทั้งยังต้องใส่ใจในโลกะวัชชะ และไม่อนุญาตให้สีกามาใกล้ชิดมากเกินไปด้วย

ยังมีอีกหลายเรื่องที่วัดต้องปรับเปลี่ยนตามสมัยนิยม เช่นการใช้เสียงดังเกินพอดีของวัด พิธีกรรมที่อาจดูงมงายอธิบายไม่ได้ หรืออื่นๆ พระต้องเก่งด้านวิชาการและมีหลักคิดทางวิทยาศาสตร์เพื่อสนองตอบต่อคำถามของสังคมอย่างฉลาด เพื่อให้ได้รับศรัทธาจากชุมชนและชาวพุทธให้นานที่สุด