จิตเนรคุณ ระวังไร้แผ่นดินกลบหน้า !

จิตเนรคุณ ระวังไร้แผ่นดินกลบหน้า !

เจริญพรสาธุชนผู้เจริญสติปัญญา การเผชิญกระแสโลกธรรมที่ร้อนแรงในทุกกาลสมัยของสัตว์ทั้งหลาย

 เพื่อให้ ธรรมคติ ว่า ธรรมทั้งหลายต้องเป็นเช่นนี้ จะไม่เปลี่ยนไปจากความเป็นอย่างนี้ และไม่แปรเป็นอย่างอื่น

ตราบใดที่สัตว์โลกยังตกอยู่ภายใต้ ปปัญจธรรม (ธรรมอันเป็นเครื่องเนิ่นช้า) ได้แก่ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่สัตว์เหล่านั้นต้องเสื่อมสูญไปจากความเจริญในธรรม ด้วย ความอับปัญญาเป็นผล

ด้วยวิถีจิตที่ซัดซ่านไปด้วยอำนาจของกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ จึงทำหน้าที่ควบคุมจิตสัตว์เหล่านั้นให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจมาร จึงยากที่จะคิดดี พูดดี ทำดี อันเป็นปรากฏการณ์ของคนพาลในคราบบัณฑิต ที่สังคมยกย่องว่าเป็น ปัญญาชน ทั้งที่ คิด พูด ทำ อย่างอับปัญญา เป็นอาภัพบุคคล ที่คิดดี พูดดี ทำดี ไม่ได้เลย ด้วยผลกรรมเสวยชีวิตให้ต้องรับผลเช่นนั้น

ในกระแสสังคมการเมืองยามนี้ ให้หวลนึกถึง พระเทวทัต ที่เคยแสดงบทบาทปัญญาชนรุ่นใหม่ในพระศาสนา สำเร็จอภิญญาด้วยจิตกิเลส อันเป็นบุญวาสนาที่สืบมาจากอดีต ซึ่งไม่ธรรมดาเลย และแม้ในชาติกำเนิด ด้วยฐานะพระราชโอรสของพระเจ้าสุปปพุทธะแห่งนครเทวทหะ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพระพุทธองค์ มีฐานะโดยตรงเป็นพี่ชายของพระนางพิมพายโสธราแห่ง โกลิยวงศ์ โดยได้รับการบวชโดยพระพุทธองค์ ที่เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา ซึ่งแน่นอนในขณะนั้นต้องมีจิตใจบริสุทธิ์ จึงควรแก่การได้รับพุทธานุญาต

เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็มุ่งมั่นเจริญภาวนาจนบรรลุ ฌานโลกียสมบัติ สำเร็จ อภิญญาจิตโลกียะ แต่ยังไม่สามารถ เจริญวิปัสสนาญาณเพื่อการบรรลุธรรม เพื่อเข้าถึงอริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งได้ ในขณะที่พระภิกษุจากตระกูลศากยกษัตริย์ทั้ง ๕ รูป เช่น พระภัททิยะ พระอนุทธะ พระกิมพิละ ต่างบรรลุอรหัตผลต่างกาลเวลา มีพระอานนท์เถระบรรลุอริยบุคคลเบื้องต้น บรรลุโสดาปัตติผล

เมื่อลาภสักการะไหลเข้ามาสู่ศาสนจักรมากขึ้นๆ เพื่อบูชาคุณพระอริยสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้พระเทวทัตซึ่งยังเป็นปุถุชน แม้จะมีฤทธิ์จากอภิญญาจิต ไม่ได้รับการถวายเครื่องสักการบูชา ที่ศาสนิกชนน้อมนำไปเพื่อถวายบูชาทักขิไณยบุคคล อันมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น จึงมีจิตให้ริษยาและนำไปสู่จิตพยาบาท-วิหิงสา อันมีโลภอกุศลมูลจิตเป็นเบื้องต้น

จึงนำไปสู่การวางแผนฆ่าทำลายพระพุทธเจ้า และที่สุดกระทำ สังฆเภทในศาสนจักร จนนำไปสู่การรับผลกรรมที่เป็น อนันตริยกรรม ให้ธรณีสูบ ตกตายไปเกิดรับผลบาปกรรมดังกล่าวใน อเวจีมหานรก สืบเนื่องถึงวันนี้

เรื่องการทำ สังฆเภท คือ การทำให้สงฆ์แตกแยก เพื่อทำลายความสามัคคีในหมู่ภิกษุ เป็นเรื่องของพระภิกษุ ส่วนผู้สนับสนุนให้เกิดการทำลายสงฆ์หรือให้เกิดสังฆเภท เป็นเรื่องของภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งย่อมให้ผลต่างกันไปตามฐานะ ตัวการ หรือผู้สนับสนุน

หากไม่ถึงกับแตกแยก เรียกว่า สังฆราชี คือ ความร้าวรานแห่งสงฆ์ หมายถึง ถึงทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ยังคงทำสังฆกรรมกันได้ ซึ่งย่อมมีโทษหรือบาปกรรม รองลงมาจากการกระทำสังฆเภท ทั้งตัวการและผู้สนับสนุน ซึ่งตรงข้ามกับความสามัคคีในหมู่สงฆ์ ที่เรียกว่า สังฆสามัคคี คือ ความพร้อมเพรียงในหมู่สงฆ์ที่เป็นไปเพื่อความผาสุก เป็นมูลเหตุแห่งความตั้งมั่น และความเจริญยั่งยืนแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้ใดกระทำการ หรือสนับสนุนการกระทำการให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ ย่อมได้รับบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ จัดเป็นครุกรรมฝ่ายกุศล

เช่นเดียวกับทางโลก ความสามัคคีของหมู่ชนที่เป็นไปด้วยอำนาจธรรมหรือ ธรรมาธิปไตย ย่อมก่อเกิดประโยชน์และความสุขต่อสังคม หมู่ชนในประเทศนั้นๆ ใครก็ตามที่ก่อการหรือสนับสนุน เพื่อให้สังคมเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงกันในการประกอบความดี ประพฤติธรรม เคารพธรรม ก็ย่อมได้รับบุญกุศลอันยิ่ง และหากผู้ใดชักนำ ก่อการ หรือสนับสนุนให้สังคมเกิดความร้าวฉาน คิดคดทรยศต่อแผ่นดินมาตุภูมิของตน บาปกรรมมหันต์ก็ย่อมให้ผลตอบแทน จนแม้ถึงความตายก็ไร้แผ่นดินกลบหน้าเพราะบาปกรรมที่กระทำด้วย จิตเนรคุณแม้กับแผ่นดินเกิด !!

เจริญพร

[email protected]