10 แนวโน้มและทิศทางภัยไซเบอร์ในปี 2019 (ตอนจบ)*

10 แนวโน้มและทิศทางภัยไซเบอร์ในปี 2019 (ตอนจบ)*

ในบทความตอนสุดท้ายนี้ จะได้กล่าวแนวโน้มอนาคตถึง 2 เรื่องอันตราย ที่ควรทราบ เพื่อการเตรียมพร้อมรับมือ

9.ภัยจากความเข้าใจผิดในเรื่อง “Cryptocurrency” และ “Blockchain”

ปัจจบัน ทุกคนยอมรับว่า Blockchain เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่กำลังมีอนาคต หลายองค์กรกำลังศึกษาหาทางนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ขณะที่อีกมุมหนึ่งมีผู้สนใจใน Cryptocurrency ที่เกิดจากการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ สร้างเป็น “Coin” หรือ “Token” ไปจนถึง “ICO” และ “STO” มากมาย จนทางรัฐบาลในบางประเทศต้องออกกฎหมายมากำกับ ควบคุม หรือ ส่งเสริมเพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมใน Cryptocurrency ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin หรือ Ethereum ไปจนถึง Cryptocurrency Wallets และ Cryptocurrency Exchanges ต่างๆ อีกมากมาย

หลายท่านยังมีความเข้าใจผิดเวลาพูดถึง “Bitcoin” ก็อาจเข้าใจว่าเป็น “Blockchain” หรือพูดถึง “Blockchain” ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องของ “Bitcoin” ซึ่งที่จริง Blockchain เป็นเรื่องของเทคโนโลยีที่มาเปลี่ยนโลก ขณะที่ Bitcoin เป็นการนำเทคโนโลยี Blockchain มาประยุกต์ใช้ให้เกิดเป็นเงินสกุลดิจิทัล “Bitcoin” ถือกำเนิดขึ้นมาเป็น Cryptocurrency ที่มีความอิสระไม่ขึ้นกับธนาคารกลางใดและรัฐบาลของประเทศใดในโลกนี้ Cryptocurrency กำลังเป็นเงินสกุลดิจิทัลที่นิยมใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าของสินค้าและบริการที่มีคุณลักษณะที่ทำได้อย่างอิสระและรวดเร็ว หากแต่เทคโนโลยี Blockchain ยังสามารถนำมาทำสิ่งอื่น ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง Cryptocurrency ได้อีกมากมายโดยที่เรายังไม่ได้คิด ถือเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หลายคนมีความเชื่อว่า จาก Data Economy เรากำลังจะไปสู่ Crypto Economy ในทัศนะของผู้เขียนมีความเชื่อว่า เราคงไปถึง Crypto Economy อย่างแน่นอนในอนาคต หากแต่คงยังไม่รวดเร็วขนาดที่จะเกิดขึ้นใน 2 - 3 ปีข้างหน้านี้ เนื่องจากการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในปัจจุบันยังไม่แพร่หลายในลักษณะ Mainstream ดูจากการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ต่างๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Blockchain ขององค์กร ตลอดจนการพัฒนาโมบายแอพฯ ที่คนใช้ทั่วโลกยังมีไม่มากนัก แต่เราจะเห็นการใช้งานในรูปแบบของ โปรแกรม Cryptocurrency Wallet ที่นิยมกันมากทั่วโลก เช่น โปรแกรม Coinbase เป็นโมบายแอพฯ Cryptocurrency wallet ที่ถูกดาวน์โหลดไปใช้ทั่วโลก โดยมีผู้ใช้กว่า 20 ล้านคน หากแต่ Coinbase ยังไม่ใช่ Blockchain Application อย่างสมบูรณ์ แต่เป็นแอพฯที่มีการเชื่อมต่อกับระบบ Cryptocurrency อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน Cryptocurrecy ในสกุลที่เรานิยมไม่ว่าจะเป็น Bitcoin Ethereum หรือ เงินสกุลดิจิทัลอื่น เป็นต้น เราจึงกำลังจับตามอง Blockchain Application ที่กำลังจะถูกปล่อยออกมาให้เราได้ใช้งานกันอีกมากมายในอนาคต จนกว่าโลกจะเข้าสู่ Crypto Economy เต็มตัวอย่างที่หลายคนได้ทำนายไว้

10.ภัยจากการทุจริตในการทำธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิคส์

ขณะที่ทั่วโลกกำลังมุ่งสู่ “สังคมไร้เงินสด” หรือ “Cashless Society” หากแต่อีกด้านหนึ่งเราพบว่า “Internet Fraud” หรือการฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต มีสถิติที่เริ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัวไปกับความนิยมในการทำธุรกรรมออนไลน์ของประชาชน ซึ่งนิยมใช้อินเทอร์เน็ตแบงค์กิ้ง ในการโอนเงินชำระค่าสินค้าและบริการผ่านออนไลน์กันมากขึ้นอย่างมีนัยยะ สังเกตได้จากการที่ธนาคารหลายธนาคารกำลังนิยมปิดสาขาตามเทรนด์ “Banking 4.0” กล่าวคือ “Banking is everywhere except Bank” ผู้คนนิยมทำธุรกรรมออนไลน์มากขึ้นแต่ไม่นิยมมาทำที่ธนาคาร แต่เราคงสังเกตได้ว่ามีข่าวคราวที่ประชาชนถูกโกงเงิน หรือ เงินหายออกจากบัญชีกันอย่างต่อเนื่อง ปัญหาก็คือ เรามักคิดว่าความรับผิดชอบในเรื่องนี้ควรจะอยู่ที่ธนาคารทั้งหมด เมื่อเงินหายหรือเราเสียประโยชน์ เราก็มักจะร้องขอความเป็นธรรมจากทางการหรือธนาคารในทุกครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ใช้เองจำเป็นต้องปรับแนวคิด และพฤติกรรมเสี่ยงดังกล่าวด้วยตนเอง กล่าวคือ เราควรเปลี่ยนแนวคิดที่ว่า “เรื่องนี้คงไม่เกิดกับเรา” หรือ “มีการป้องกันที่ดีที่สุดแล้ว” มาเป็น “สักวันเรื่องนี้คงเกิดกับเราอย่างแน่นอน” หรือ “ไม่มีการป้องกันใดๆที่ได้ผล100%” 

ในส่วนของความรับผิดชอบ ควรเป็นความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างเรากับสถาบันการเงิน กล่าวคือ เราควรมีการ บริหารความเสี่ยงด้วยตนเอง เป็นการหมั่นสังเกต การเดินบัญชี หมั่นตรวจสอบ Statement สมัคร SMS Alert เปิดวงจรการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้น ใช้บัตรเครดิตโดยการเพิ่ม Verified by VISA หรือ Mastercard Securecode ดูแลการตั้งและการใช้รหัสผ่านอย่างปลอดภัย ไม่โหลดโปรแกรมมาใช้ในสมารท์โฟนโดยไม่มีความจำเป็น วางแผนฝากเงินกับธนาคารมากกว่าหนึ่งแห่ง ไม่ทิ้งเงินไว้มากเกินไปในบัญชีออมทรัพย์ หรือบัญชีเดบิต ควรซื้อกองทุนหรือลงทุนในสินทรัพย์อื่น ไม่ควรจะเก็บเงินสดไว้เพียงธนาคารเดียว ควรแยกเก็บเงินสดเพื่อลดและกระจายความเสี่ยง เพราะธรรมชาติของไซเบอร์ ถึงอย่างไรเราคงหนีไม่พ้นเรื่อง Data Fraud และ Internet Fraud ตลอดจนการโจมตีแบบ Social Engineering เช่น Phishing Attack ผ่านมากี่ปี แฮกเกอร์ก็ยังใช้เทคนิคพวกนี้อย่างได้ผลเสมอ จากความไม่ระมัดระวังและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้ใช้ 

ดังนั้น การป้องกันได้ดีที่สุด คือ การใช้สติและ ความไม่ประมาทของตัวเราเอง เราจึงควรเริ่มปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อการทำธุรกรรมทุจริตในอนาคตที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงแต่สามารถลดความเสี่ยงและผลกระทบลงได้