เวรกรรมแท้ .. หนอ !!!!

เวรกรรมแท้ .. หนอ !!!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา เริ่มเข้าสู่ร่องเวลาของกระแสแห่งความวุ่นวาย อันเป็นธรรมดาของโลกที่เป็นไปตามเหตุปัจจัย

สติปัญญาจึงเป็นองค์ธรรมสำคัญยิ่งในการอุปการชีวิตเพื่อการดำเนินไปบนธรรมวิถีที่สามารถฝ่าคลื่นฝืนลมข้ามเหตุการณ์ร้ายๆ ภัยต่างๆ ไปได้ ดุจดังภาษิตที่ว่า สติเป็นหางเสือ ถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง ถือไว้อย่าให้เอียง ตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา...สติ จึงเป็นโอสถธรรมที่ล้ำค่า เป็นยาครอบจักรวาล แก้ไขปัญหารักษาได้ทุกโรค ไม่ต้องจ่าย ๓๐ บาท ไม่ต้องทำบัตรทอง เพียงรู้จักเจริญสติด้วยจิตใจที่เลื่อมใสศรัทธาในหลักธรรมที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ได้จริง 

ปัญหาทั้งปวงดับได้ด้วยสติปัญญา อันนำไปสู่ความเพียรชอบ จนเข้าถึงความรู้ธรรมดาว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอย่างนี้ ไม่เปลี่ยนไปจากนี้ ไม่แปรเป็นอย่างอื่น....

หากขาดสติปัญญา .. ไม่รู้จักการเจริญภาวนา แม้จิตสูงมาก็ต่ำได้ ที่ดีมาก็เลวได้ ด้วยอำนาจอธรรมที่เกิดจากการขาดสติ อับปัญญา ...ดังที่กล่าวว่า บัณฑิตยังผันกลับเป็นคนพาล สูงศักดิ์ดุจพญาหงส์... บินสูง... สายตายาวไกล อย่างนกยูง ก็ร่วงตกมาตายได้ สมดังสุภาษิตบทหนึ่งที่ว่า น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยว ยูงตาม, ทรายเหลือบหางยูงงาม ว่าหญ้า, ตาทรายยิ่งนิลวาม พรายเพริศ, ลิงว่าหว้าหวังหว้า หว่าดิ้นโดดตาม

ลักษณะนิสัยพื้นเพจิตสันดานของสัตว์ทั้งสามในเรื่องดังกล่าว ได้ถูกจับมาศึกษาเพื่อเปรียบเทียบกับคนเราที่มีความรู้สูง สายตายาวไกล เฉลียวฉลาด แต่ขาดสติ ให้แพ้ภัยของกิเลสที่ครอบงำจิตใจให้ตกอยู่ในฐานอกุศล โลภะ โทสะ โมหะเข้าครอบงำ ย่อมนำไปสู่การกระทำที่เป็นโทษภัย ดุจดังเช่น นกยูง ที่หลงตนว่าบินสูง สายตายาวไกล ..แต่แพ้ภัยตนเองที่ปล่อยให้กิเลสเข้ามาครอบงำจิตใจ จนล่วงสติ ขาดการพิจารณา ด้วยความหลงตัวที่คิดว่าแน่... ก่อเกิดมานะ ทิฐิ เชื่อมั่นในความเป็นตัวตน ดังสามารถบินได้ในระดับสูง (ความรู้ ฐานะที่สูง .. เหมือนคนเราบางคน) .. มีสายตายาวไกล (Bird’s Eye View) เห็นสิ่งต่างๆ ได้ทั่วถึง จึงเชื่อมั่นตามจิตคิด ตาที่เห็น .. จึงโฉบลงมาหวังตะปบ .. ให้ตกลงไปตายในสายน้ำลำธาร... ด้วยคาดผิดว่า คลองคดเคี้ยวเป็นงูเงี้ยว(เขี้ยวขอ)...

...หรือดังกวางหรือเนื้อ.. ที่มีพื้นนิสัยระแวงระวังภัย ว่องไวปราดเปรียว แต่ด้วยความอยาก เมื่อโลภะจิตเกิดขึ้น ให้หน้ามืดตามัวแลเห็นหางนกยูงว่าเป็นหญ้า กระโดดลงไปเพื่อคว้ากิน ที่สุดจึงจมน้ำตายอีกราย...

แม้เราท่านทั้งหลายที่สำคัญตนว่า มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญศิลปวิทยาการจนมีชื่อเสียง สามารถใช้ทักษะชีวิตในการดำรงชีพได้อย่างดียิ่ง แต่ที่สุด เมื่อปล่อยให้จิตใจตกอยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายต่ำจนยากจะยับยั้งความอยากได้ สุดท้าย ความเป็นคนที่มีทักษะความพร้อม แต่ขาดสติปัญญาแม้ในชั่วขณะ ก็ย่อมวิบัติอับจนได้แค่ชั่วพริบตาเดียว เสมือน ลิง ที่คาดคิดว่าตนเฉลียวฉลาดว่องไว ยากที่ศัตรูจะทำร้ายทำลายได้ ที่สุดตายเพราะอยากกินลูกหว้าที่ลอยมาตามน้ำ ที่แท้คือ ตาทรายที่นิลวาม นั่นเอง

มองดูสภาพสังคมการเมืองยามนี้ ที่เห็นสัตว์โลกผู้หลงตนพากันเคลื่อนไหวไหลไปตามกระแสโอฆะในห้วงมหรรณพ พานพบอุปสรรคปัญหานานาประการ แล้วให้นึกสงสาร โดยเฉพาะอาการหลงตน เมื่อบวกฤทธิ์เดชความอยาก อะไรๆ ก็ยากจะต้านทาน สุดท้ายหนีไม่พ้นต้องหกล้มหกลุกสะดุดขาตนเองที่ก้าวเดินไป ไม่พ้นอุปสรรคปัญหา .. ที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เมื่อแต่ละท่านพากันตะโกนบอกกล่าวว่า “ฉันขออาสานำพาประเทศชาติ มหาชนไปสู่ความเจริญ”.... ...เวรกรรม.. เวรกรรม.. เวรกรรม... พ่อมหาจำเริญ !!

เจริญพร