เงื่อนไข-บทลงโทษ ยุบพรรคการเมือง
ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้ง หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปตัวเลขผู้สมัคร ส.ส.
ทั้งในระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ที่มียอดผู้สมัครทะลุ 1 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มากเป็นประวัติการณ์
000 ขณะเดียวกันการเมืองรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา “คุกรุ่น” ไปด้วยบรรยากาศแห่งการเปิดตัว “แคนดิเดทนายกรัฐมนตรี” ของบรรดาพรรคการเมือง โดยเฉพาะในส่วนของ “พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)” ที่ได้สร้าง “บิ๊กเซอร์ไพส์” ให้กับสนามการเมืองในครั้งนี้
000 แต่ยังไม่ทันข้ามวันประเด็นดังกล่าวกลับถูก “ขยายปม” ไปที่ “ลักษณะต้องห้าม” ตามข้อ 17 แห่งระเบียบ กกต. ซึ่งระบุว่า “ห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใด นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง” จนมีการเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ลามไปถึงการยื่นศาลรัฐธรรมเพื่อวินิจฉัยยุบพรรคในที่สุด
000 ประเด็นนี้หากเปิดดู “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง” ได้เขียนบทบัญญัติว่าด้วยการยุบพรรคไว้ในมาตรา 92 ว่า เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น (1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
000 สำหรับบทลงโทษหากศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการไต่สวนแล้ว มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทำผิดจริงก็จะสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น และจะส่งผลให้ “กรรมการบริหารพรรคต้องเว้นวรรคการเมืองเป็นเวลา 10 ปี” ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 94 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง ยังไม่นับรวมถึงกรณีที่อาจมีการยื่นเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในอนาคต
000 พลันที่มีการเปิด “บิ๊กเซอร์ไพส์” ดังกล่าวออกมา บุคคลทั้งในแวดวงวิชาการ กูรูด้านกฎหมาย รวมถึงแวดวงการเมืองต่างวิเคราะห์ไปในทิศทางที่สอดคล้องกันว่า ประเด็นนี้ว่ามีความสุ่มเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายตามมาตร 92 (2) และดูเหมือนว่า “เผือกร้อน” จะตกไปอยู่ที่ “กกต.” อย่างเต็มๆ คงต้องจับตาวันนี้ (11 ก.พ.) ที่ กกต.จะประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร
000 แต่ที่แน่ๆ หนึ่งทางเลือกที่ถือว่าถูก “ปิดตาย” ไปแล้วนั่นคือการถอนหรือเปลี่ยนแปลงชื่อนายกฯ ออกจากบัญชีพรรคออก เนื่องจากมาตรา 13 ของ พ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุว่า จะกระทำได้ต่อเมื่อบุคคลดังกล่าว "ขาดคุณสมบัติ” หรือ “มีลักษณะต้องห้าม” และจะต้องดำเนินการก่อนปิดรับสมัครเลือกตั้งเท่านั้น
000 ดังนั้นความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์นี้จึงต้องจับตาชนิดที่เรียกว่า “ห้ามกะพริบตา”!!
โดย... ดารากร