10-Year-No-Challenge

10-Year-No-Challenge

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ กระแสโลกโซเชียล ที่คนต่างโพสต์ภาพตัวเองในปี 2009 เทียบกับภาพปัจจุบัน แล้วแฮชแท็ก #10YearChallenge

หลายคนสนุกสนานกับการโชว์ให้โลกรู้ว่าคุณเปลี่ยนไปแค่ไหน คุณดูดีขึ้นแค่ไหน คุณยังคงความสดไว้หรือไม่ บางกลุ่มก็เอาภาพสิ่งแวดล้อมมาเปรียบเทียบเพื่อแสดงให้เห็นว่า โลกเราถูกทำลายไปมากแค่ไหน

จะเปลี่ยนไปทางไหน ภาพรวมของกิจกรรมนี้ให้ข้อคิดเราในเรื่องการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Transformation

คำว่า “Change” และ “Transformation” เป็นคำฮิตยุคนี้และมักมาคู่กัน เมื่อถูกแปลเป็นภาษาไทยคือ “เปลี่ยน” กับ “เปลี่ยนแปลง” ทำให้เรารู้สึกว่ามันคล้ายกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว “Change” กับ “Transformation” ต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

เปลี่ยน (Change) เกิดขึ้นเมื่อมีเหตุการณ์หรือปัญหาเกิดขึ้นแล้วเราเข้าไปจัดการกับแก้ปัญหา เข้าไปเปลี่ยนอะไรบางอย่างเพื่อให้ปัญหานั้นหายไป ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอาจต้องสูญเสียอะไรบางอย่างหรือต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อทำให้เหตุการณ์ดีขึ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ คุณมีอาการปวดหัว พอไปพบแพทย์จึงพบว่าตนเองมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ดังนั้นคุณจึงต้องเปลี่ยน (Change) วิธีการใช้ชีวิต เริ่มกินผัก เลิกของทอด เริ่มออกกำลังกาย เลิกดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงต้องเริ่มกินยาเพื่อคุมคอเลสเตอรอล

เปลี่ยนแปลง (Transformation) เกิดขึ้นแม้ปัญหายังไม่เกิด เจ้าตัวรู้ว่าวันนี้หากไม่เปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง อาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคตแน่นอน การเปลี่ยนแปลงทำเป็นกระบวนการ เช่น วันนี้คุณยังสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ แต่หากคุณยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมไปเรื่อย ๆ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย กินของทอด อนาคตมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย คุณจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเองเพราะไม่อยากเป็นโรคร้าย เช่น เข้ากลุ่มออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 3 ครั้ง กินผักและผลไม้มากขึ้น ลดแอลกอฮอล์ นอนก่อน 4 ทุ่มและทำเช่นนี้จนเป็นนิสัยใหม่

โลกดิจิทัลทำให้เรารู้เร็วว่า หากวันนี้เราทำเหมือนเดิม อนาคตอาจไม่รอด ทั้งระดับบุคคลและองค์กรจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเพราะใคร ๆ ก็อยากรอด แต่จากการศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงพบว่า องค์กรถึง 70% ล้มเหลวจากการเปลี่ยนแปลง

John Kotter กูรูด้าน Change & Transformation เผย 8 เหตุผลที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงล้มเหลว

1. ไม่เห็นความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลง ทำเหมือนเดิมก็สำเร็จมาตลอด แล้วทำไมต้องเปลี่ยน! ชอบกินของทอด ไม่เคยออกกำลังกายมา 30 ปี ร่ายกายก็ยังแข็งแรงดี

2. ขาดแนวร่วมนำการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงองค์กร เบอร์หนึ่งสำคัญ แต่การนำองค์กรในยุคนี้ รอเบอร์หนึ่งคนเดียวไม่ทัน จึงจำเป็นต้องสร้างผู้นำรุ่นถัดไป ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน เป็นแนวร่วมนำการเปลี่ยนแปลงให้ไปสู่ฝันเร็วขึ้น

3. ขาดเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงที่มีพลังจูงใจ เป้าหมายนั้นควรเป็นเป้าหมายที่ทำให้คนรู้สึก “อยากเปลี่ยน” มากกว่า “ถูกเปลี่ยน” ลองดูว่าระหว่างเป้าหมาย “งดของทอดปลอดภัยจากมะเร็ง” กับ “New Me สุขภาพดี อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม” คุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายไหนมากกว่ากัน?

4. สื่อสารเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงไม่พอ ส่วนใหญ่ฮิตสื่อสารวันแรก จัด Town Hall จัด Roadshow ออกแนวจัดอีเว้น แล้วก็เงียบไป การสื่อสารเพื่อให้องค์กรเปลี่ยนแปลงสำเร็จต้องทำสม่ำเสมอ ผู้นำคุยเกี่ยวกับเป้าหมายใหม่นี้ในการทำงานทุกวัน เพื่อสร้างความหึกเหิมต่อเนื่องให้คนในองค์กร คล้าย ๆ กับคนโพสต์รูปลงโซเชียล 21 วันติดกัน วันนี้กินอะไร วิ่งไปกี่กิโลเมตร นอกจากจะสร้างกำลังใจให้ตนเองไม่หยุด ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบตัวอยากหันมามีสุขภาพดี๊ดีอีกด้วย

5. ยอมให้อุปสรรคมาทำให้หยุดเปลี่ยนแปลง งานประจำยุ่งอยู่แล้ว หัวหน้าไม่เล่นด้วย ยอดขายไม่ดี ไม่มีเวลาเปลี่ยน หากไม่ขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป การเปลี่ยนแปลงย่อมจบลง ณ จุดนี้

6. ไม่ได้สร้างชัยชนะระยะสั้น นั่งรอเป้าหมายสุดท้ายเป็นจริง จนทำให้คนในองค์กรรู้สึกเหนื่อย กว่าจะสำเร็จช่างยากยิ่ง ตั้งเป้าจะลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ผ่านไป 3 เดือนเพิ่งลงไป 2 กิโลกรัม เหลืออีกตั้ง 8 กิโลกว่าจะถึงฝัน งั้นเลิกดีกว่า

7. ผ่อนคันเร่งเร็วไป พอผล Survey 6 เดือน แสดงคะแนนดีขึ้น จัดงานปาร์ตี้ฉลองความสำเร็จ ปรบมือ กล่าวปิดโครงการ เราสำเร็จแล้ว แท้จริงการเปลี่ยนแปลงที่สำเร็จต้องทำต่อเนื่อง เมื่อเป้าหมายหนึ่งสำเร็จแล้ว ก็ต้องสร้างเป้าหมายใหม่ต่อไป สร้างแนวร่วมกลุ่มใหม่ ติดตามผลการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ จนการเปลี่ยนแปลงถือเป็นวัฒนธรรมใหม่ วิ่งจบ 10 กิโล ก็เพิ่มเป็น 15, 21, 42, 50…

8. ถูกกลืนด้วยนิสัยเดิม สุดท้ายลดน้ำหนักลงไปได้ 10 กิโลตามเป้า กลับฉลองด้วยการกินเค้ก! เช่นนี้คือถูกกลืนด้วยนิสัยเดิมนะเจ้าค่ะ

รู้เหตุผลทั้ง 8 ข้อแล้ว ป้องกันไม่ได้เกิดกับคุณ ๆ จะกลายเป็น 30% ของคนและองค์กรที่เปลี่ยนแปลงสำเร็จ

ทำได้เช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในโลก ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน จะอีกกี่ปีข้างหน้าคงสดใสไร้ Challenge อีกต่อไป

#10YearNoChallenge