จะแก้ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่ที่ยากยิ่งขึ้นได้อย่างไร

จะแก้ทั้งปัญหาเก่าและปัญหาใหม่ที่ยากยิ่งขึ้นได้อย่างไร

ปัญหาเก่าที่สำคัญที่ไทยยังแก้ไม่ได้คือ 1. ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจการเมือง ที่มีลักษณะผูกขาดโดยชนชั้นนำกลุ่มน้อยที่ร่ำรวยกว่า

มีอำนาจอภิสิทธิ์มากกว่าประชาชนส่วนใหญ่ 2. ปัญหาความด้อยพัฒนาด้านการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง เรียนรู้แบบท่องจำ, คิดเชื่อด้วยอารมณ์ศรัทธา ไม่รักการอ่าน การใฝ่เรียนรู้การคิดวิเคาะห์อย่างมีเหตุ มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นวิทยาศาสตร์

ปัญหาใหม่คือ โลกหรือประเทศที่พัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้า กำลังพัฒนาเทคโนโลยีแบบใหม่ชนิดพลิกผัน เปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ (Disruptive Technology) เช่น ใช้เครื่องจักรสมองกล ทำงานหลายอย่างแทนคนอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เทคโนโลยีทางการศึกษา, การพัฒนาสมอง, ชีวภาพ, พลังงาน, การรักษาพยาบาลและอื่นๆ ที่จะทำให้ประเทศและกลุ่มคนที่มีโอกาสเรียนรู้ได้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ได้เปรียบในการแข่งขันทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมเพิ่มขึ้น ขณะที่โลกก็ยังคงมีปัญหาความไม่สมดุลด้านการพัฒนาและระบบนิเวศ ประเทศและกลุ่มคนที่ล้าหลัง คนว่างงาน ยากจน,ขาดแคลน เข้าไม่ถึงทรัพยากรและเทคโนโลยีสมัยใหม่

คนไทยต้องรีบแก้ปัญหาเก่า 2 ข้อแรกให้ได้ก่อน จึงจะรับมือกับปัญหาใหม่ได้อย่างแท้จริง วิธีคิดของรัฐบาลชุดนี้ และพรรคการเมืองใหญ่ ที่คิดว่าถ้าเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมให้ทันสมัย เช่น โครงการประเทศไทย 4.0 การลงทุนอย่างมหาศาลในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและชายแดนอื่นๆ จะสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศได้ เป็นวิธีคิดแบบฉาบฉวย เช่น การขับไล่เกษตรกรออกจากที่อุดมสมบูรณ์ทางเกษตรกรเพื่อเอาพื้นที่มาให้ต่างชาติเข้ามาทำโรงงานอุตสาหกรรม ที่นอกจากจะแก้ปัญหาทั้งเก่าและใหม่ไม่ได้จริง ยังทำให้ปัญหาเก่า เช่น ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงในหมู่ประชาชนเพิ่มขึ้นอีก

ปัญหาเก่าที่สำคัญคือ 1. ความเหลื่อมล้ำต่ำสูง 2. ปัญหาความด้อยพัฒนาด้านการเรียนรู้ การศึกษา พัฒนาตนเองของคนไทย ต้องแก้ให้ได้ก่อนจึงจะรับมือกับปัญหาใหม่ได้

สามารถแก้ได้โดยการ 1. ปฏิรูปโครงสร้างการถือครองที่ดิน ทรัพย์สิน ให้มีการกระจายสู่ประชาชนอย่างเป็นธรรมขึ้น ปฏิรูปที่ดิน ปฏิรูประบบภาษี งบประมาณ ควบคุมเพดานและเกณฑ์การถือครองที่ดิน เก็บภาษีทรัพย์สินคนรวยในอัตราก้าวหน้า ควบคุมธุรกิจกึ่งการผูกขาดขนาดใหญ่ และหรือเก็บภาษีรายได้นิติบุคคลในอัตราก้าวหน้า จัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาคนส่วนใหญ่ที่เป็นคนจนเพิ่มขึ้น ทั้งโดยการปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูประบบประกันสังคม และสวัสดิการสังคม ปฏิรูปการเกษตร ปฏิรูปการฝึกอบรมพัฒนาแรงงานฝีมือ การจ้างงาน และสวัสดิการแรงงาน ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยและกลางมีต้นทุนต่ำ,ประสิทธิภาพสูง แข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่กว่าได้ ฯลฯ

ปัญหาข้อ 2 ต้องปฏิรูประบบการศึกษา สื่อสารมวลชน วิธีการเลี้ยงดูเด็ก การกล่อมเกลาทางสังคม(socialization)กันขนานใหญ่ ปฏิรูปการฝึกหัดครู และให้การศึกษาฝึกอบรมชนิดใหม่แก่ครูอาจารย์ ผู้ทำงานด้านสื่อ และงานสาธารณะอื่นๆ เพื่อเปลี่ยนกรอบวิธีคิด ความเชื่อ อุปนิสัย ให้เป็นคนที่รักการอ่าน การเรียนรู้ แบบคิดวิเคราะห์ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีเหตุผล มีหลักฐานประจักษ์พยาน (อย่างเป็นวิทยาศาสตร์) มีอุปนิสัยใจคอแบบเสรีนิยมก้าวหน้า มีจิตสำนึกเข้าใจว่า การร่วมมือทำงานเพื่อส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองและลูกหลานเราในระยะยาว มากกว่าการแข่งขันกันแบบใครดีใครได้ และเป็นคนที่เห็นความสำคัญของการทำงานอย่างตั้งใจที่จะไปช่วยอธิบาย ชี้นำ ให้การศึกษาคนอื่นต่อ

เราต้องแก้ปัญหาพื้นฐาน เรื่องอุปนิสัยใจคอ วัฒนธรรมการอยากเรียนรู้ อยากเป็นคนเก่ง คนดี คนที่มีความสุขสงบอย่างแท้จริงนี้ให้ได้ก่อน เราจึงจะสามารถพัฒนาความรู้ทางวิชาการ วิชาชีพ เทคโนโลยีต่างๆ ของโลกสมัยใหม่ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยได้จริง เพราะการเห่อแต่ไล่ตามเทคโนโลยีของประเทศที่ก้าวหน้ากว่าไทย ไทยจะเป็นได้แต่เพียงผู้ซื้อและบริโภคเทคโนโลยี ทั้งประเทศจะเสียเปรียบ ในประเทศเอง ก็จะมีแต่คนรวย คนมีการศึกษาสูง กลุ่มน้อยเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ ขณะที่คนกลุ่มใหญ่จะตกงานหรือทำงานแบบได้ผลตอบแทนต่ำ อยู่อย่างยากลำบาก เมื่อสังคมขาดความสมดุล มีความเหลื่อมล้ำมาก ก็จะเป็นปัญหากระทบถึงทุกคน รวมทั้งคนรวย คนมีความรู้ส่วนน้อยด้วย พวกเขาต้องสร้างกำแพงปกป้องตนเองและครอบครัว มีความเครียด ความหวั่นวิตกมากขึ้น

ต้องแก้ไขปัญหาเก่าทั้ง 2 ข้อด้วยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างเข้าใจสาเหตุรากฐานของสังคมไทย และมองเห็นภาพทั้งหมดอย่างเป็นองค์รวม จึงจะสามารถยกระดับประชาชนส่วนใหญ่ให้มีความพร้อมที่จะรับมือกับโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างพลิกผันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายและวิธีการในการแก้ไขปัญหาทั้งเก่าและใหม่คือ ต้องปฺฏิรูปเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจการเมือง และปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ของคนไทยอย่างชนานใหญ่ เน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจสังคม(รวมการเมืองด้วย)ที่มีความสมดุล เป็นธรรม ประชาชนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น ไม่ใช่เน้นการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวม(จีดีพี) ที่สร้างเจริญเติบโตทางวัตถุเฉพาะเมืองใหญ่ และสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจสังคมตามมามากมายอย่างที่เป็นอยู่

พรรคการเมืองมักจะเสนอนโยบายแจกแถมแบบประชานิยมเป็นเรื่องๆ ไป โดยไม่ได้เสนอว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจ การคลัง การงบประมาณ อย่างไรจึงจะมีงบมาแจกแถมโครงการเหล่านั้นได้ และก็ไม่ได้เสนอว่าปัญหาหลักของประเทศไทยคืออะไร ควรจะปฏิรูปทั้งระบบโครงสร้าง (เศรษฐกิจการเมือง, สังคม) อย่างไร อะไรสำคัญก่อนหลัง และต้องมีวิธีการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรม ทำให้เกิดผลสำเร็จจริงได้อย่างไร ได้แต่เสนอเป็นเป้าหมายในเชิงอุดมคติเหมือนอย่างแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งค่อนข้างสวยงามแต่เลื่อนลอยมาก

คนไทยจะเข้าใจปัญหา แก้ปัญหาและพัฒนาประเทศเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ได้จริง และยั่งยืนยาวนานถึงคนรุ่นหลังได้ ต้องวิเคราะห์ปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจการเมือง สังคม อย่างวิพากษ์วิจารณ์ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง, ปฏิรูปอย่างพลิกผันไปจากสังคมเก่าที่มีลักษณะจารีตนิยม อภิสิทธินิยม อำนาจนิยมที่ล้าหลังประเทศอื่น ไปสู่สังคมเสรีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าแบบใหม่ ที่เน้นการพัฒนาคนทั้งประเทศให้เป็นพลเมืองที่มีความรู้และทักษะ ที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เป็นสังคมที่พลเมืองมีงานที่ให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม มีสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคทางโอกาส ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เราจึงจะสามารถเตรียมพร้อมประเทศไทยให้ก้าวหน้าพอที่จะรับมือกับปัญหาใหม่ที่มาจากการเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีที่พลิกผันได้