ชิงความเป็นหนึ่ง

ชิงความเป็นหนึ่ง

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลก

บทบาทของเทคโนโลยีในโลกยุคปัจจุบันนี้ไม่ได้เป็นเพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อสร้างรายได้เข้าองค์กรธุรกิจแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต แต่เทคโนโลยีกลายเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของหลาย ๆ ประเทศ การช่วงชิงความเป็นหนึ่ง ในโลกเทคโนโลยีจึงหมายถึงการชิงความเป็นมหาอำนาจของโลกด้วยเช่นกัน การทำสงครามการค้าจึงเปลี่ยนโฉมไปมหาศาล จากในตำราเรียนที่เราคุ้นเคยแต่การกีดกันทางการค้า การกำหนดมาตรการทางการค้า การตั้งกำแพงภาษี เพื่อจัดการกับประเทศคู่แข่ง ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะไม่เพียงพอต่อการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน

กรณีประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของ “หัวเว่ย” ที่ถูกแคนาดาจับตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้วตามคำขอของสหรัฐอเมริกาในข้อหาละเมิดกฎการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน สะท้อนให้เห็นการใช้มาตรการนอกตำราเพื่อจัดการคู่แข่งของสหรัฐฯ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ใช้ทุกมาตรการเพื่อจัดการประเทศจีนอย่างถึงที่สุด นับตั้งแต่การตั้งกำแพงภาษีต่อวัตถุดิบที่นำเข้าจากจีน เช่น เหล็ก 25% อลูมิเนียม 10%

ในขณะที่จีน ก็ไม่ยอมเสียเปรียบจึงขึ้นอัตราภาษีจากสหรัฐฯ จากสินค้ากว่า 128 รายการ มูลค่าราว 3,000 ล้านดอลลาร์ และต่างฝ่ายต่างทำการตอบโต้โดยการตั้งกำแพงภาษีระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ในอัตรา 10 – 25% เป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ แต่ทั้งคู่ก็ได้ตกลงระงับสงครามทางการค้านี้เป็นการชั่วคราวมีระยะเวลา 3 เดือน จากการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วแต่การเปลี่ยนใจของสหรัฐฯ ที่หันมายกระดับความตึงเครียด ด้วยการขอให้แคนาดาจับตัวผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยให้นั้น สะท้อนให้เห็นความเอาจริงของสหรัฐฯ ว่า ปล่อยให้จีนทวีบทบาทในแวดวงการค้าโลกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หลังจากต้นปีที่แล้วประกาศคว่ำบาตรแซดทีอีด้วยข้อหาคล้าย ๆ กัน

การตัดสินใจของสหรัฐฯน่าจะเกิดจากความหวาดหวั่น ในยุคหน้าของการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และโทรคมนาคมที่ทั่วโลกกำลังจับตามองเทคโนโลยี 5จี กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนโลกอีกครั้ง จากเดิมที่การเปลี่ยนผ่านในยุค 2จี-4จี นั้นสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศแถบตะวันตกอย่างมหาศาล การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับการสื่อสารในยุคที่ 5 นี้ไม่เพียงทำให้การสื่อสารผ่านสมาร์ทดีไวซ์ทั้งหลายสะดวกรวดเร็วมากขึ้นด้วยประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลที่เร็วกว่าเดิมอย่างเทียบไม่ติด แต่ 5จี ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจอื่น ๆ อีกมาก

การรองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) และเซ็นเซอร์มากมายในระบบเมืองอัจฉริยะทำให้รถไร้คนขับสามารถให้บริการได้อย่างไม่ติดขัด การรับส่งข้อมูลผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลนับล้านชิ้นจึงสร้างธุรกิจใหม่ ให้เกิดขึ้นได้อีกมากมายทำให้มาตรฐานการสื่อสารในยุคที่ 5 นี้ต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบมาให้ประเทศของตัวเองให้มากที่สุดประเทศจีนก็อาศัยหัวเว่ยเป็นหัวหอกสำคัญในการแข่งขันเทคโนโลยี 5จี จนปัจจุบันนี้หัวเว่ยขายเสาสัญญาณ 5จี ให้กับลูกค้าทั่วโลกไปแล้ว 26 ราย เป็นจำนวนรวมถึง 10,000 ต้น ซึ่งถือว่ามากที่สุดในโลก และยังมีจำนวนสิทธิบัตร 5จีกว่า 1,600 ฉบับหรือคิดเป็น 19% ของสิทธิบัตรทั้งหมด การปล่อยให้หัวเว่ยเดินหน้าต่อไปจึงเป็นภัยใหญ่หลวงต่อสหรัฐฯ เพราะเล็งเห็นแล้วการเป็นมหาอำนาจทางเทคโนโลยีก็คือการเป็นมหาอำนาจของโลกเช่นเดียวกัน 

การเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเป็นการสร้างฐานอำนาจในการกำหนดมาตรฐานต่าง ๆ ของโลกซึ่งทำให้เจ้าของเทคโนโลยีมีอิทธิพลสูงสุดเหนือประเทศอื่นที่เป็นเพียงผู้ตามนโยบายของทรัมป์อาจดูไร้ทิศทาง และเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่เบื้องลึกก็ทำให้เราเห็นว่าสหรัฐฯ อาจเพลี่ยงพล้ำให้กับจีนได้ทุกเมื่อ การใช้ทุกมาตรการอย่างที่ทรัมป์ทำอยู่ขณะนี้ จึงอาจเป็นหนทางดีที่สุดสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นไปได้