แนวโน้มฟินเทคโลกปี 2019

แนวโน้มฟินเทคโลกปี 2019

ในที่สุดตลาด Crypto ก็กลายร่างเป็นหมีมาตลอดทั้งปี 2018  ขณะที่วงการฟินเทคในภาพรวมถือว่าไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก 

ปี 2018 ถือเป็นปีที่เกิดความผันผวนอย่างมากกับวงการ Blockchain และCrypto โดยเฉพาะราคา Bitcoin ที่สร้างจุดสูงสุดในช่วงปลายปี 2017ทำให้เกิดภาวะ ICO Fever ทั่วโลกในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ในที่สุดตลาด Crypto ก็กลายร่างเป็นหมีมาตลอดทั้งปี 2018  ขณะที่วงการฟินเทคในภาพรวมถือว่าไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก เพราะความน่าสนใจถูกโฟกัสมาที่เทคโนโลยี Blockchain กันหมด อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีอื่นๆได้ถูกพัฒนาไปมากแล้ว

สำหรับปี 2019 เรามาดูกันว่าในวงการฟินเทคระดับโลกน่าจะมีอะไรบ้างที่ต้องจับตา 

ตลาด Crypto จะฟื้นได้หรือไม่ ช่วงเวลาที่เขียนบทความนี้คือวันคริสมาสต์ของปี 2018 ราคา Bitcoin รวมถึง Altcoin อื่นๆได้ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด แต่นับจากจุดสูงสุดเดิมถือว่าได้ปรับตัวลดลงมากว่า 80-90%ท่ามกลางข้อถกเถียงว่าราคา Bitcoin สิ้นสุดขาลงแล้วหรือยัง 

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าราคา Crypto จะฟื้นได้หรือไม่อยู่ที่การยอมรับของคนทั้งโลกที่มีต่อ Bitcoin มากกว่า โดยเฉพาะการอนุมัติให้มีการจัดตั้งกองทุน ETF ที่ลงทุนใน Crpto โดยกลต.สหรัฐฯ หากเกิดขึ้นได้จะทำให้มีเม็ดเงินจากสถาบันการเงินดั้งเดิมไหลเข้ามาในตลาด Crypto จนสามารถผลักดันราคาให้เป็นขาขึ้นได้

Blockchain จะถูกนำมาใช้งานจริงมากขึ้น ท่ามกลางสภาวะขาลงของ Altcoin ที่ส่วนใหญ่ลดลงกว่า 90% แต่ XRP หรือ Ripple มีการปรับตัวลดลงที่น้อยกว่า และเวลาตลาดกลับเป็นขาขึ้นจะมีการฟื้นตัวที่เร็วกว่าเหรียญอื่นๆ ก็เพราะ Ripple ถูกสถาบันการเงินนำมาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น นี่เป็นสัญญาณว่า Crypto และ Blockchain มีแนวโน้มถูกนำมาใช้งานจริงมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ที่เป็นแกนนำในการนำBlockchain มาใช้ในภาคการเงินการลงทุน อย่างเช่น ตลาดหลักทรัพย์SGX ที่นำ Blockchain มาใช้ในการซื้อขายตราสารหนี้ เป็นที่แน่ชัดว่าปี2019 นี้จะได้เห็นประโยชน์ของ  Blockchain เด่นชัดขึ้น

STO จะมาแทนที่ ICO? ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่ทั่วโลกกำลังจับตาการระดมทุนแบบ STO (Securities Token Offering) ว่ากำลังจะเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างแน่นอนและจะมาแทนที่ ICO ไปเลยทีเดียวอย่างไรก็ตามการระดมทุนด้วย STO มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมายด้านหลักทรัพย์เป็นอย่างมากทำให้ฝ่ายกำกับดูแลของแต่ละประเทศต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยประเทศที่เริ่มเปิดให้ระดมทุนแบบ STO ได้แล้วคือสหรัฐอเมริกาฯ

Payment และ Remittance น่าจะเป็นฟินเทคที่เติบโตอยู่ รองรับกับการขยายตัวของสังคมไร้เงินสด ทำให้ฟินเทคผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ด้านการชำระเงินจะยังสามารถเติบโตได้ ส่วนฟินเทคสายอื่นๆอย่าง Wealth Management แม้อาจไม่มีเทคโนโลยีใหม่แต่น่าจะยังสามารถเติบโตไปได้ ที่ต้องจับตาคือการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯของRobinhood  เช่นเดียวกันกับ Insuretech ที่น่าจะมีแนวโน้มขยายตัวได้

บทสรุปคือ ทิศทางของฟินเทคโลกจะยังเติบโตได้โดยมีเทคโนโลยีCrypto และ Blockchain เป็นตัวเร่งการเติบโต โดยปี 2019 ตลาดฯจะเริ่มกลับเข้าสู่พื้นฐานมากขึ้นหลังจากปี 2018 เป็นปีที่จุดกระแสให้คนทั้งโลกหันมาสนใจ Blockchain ส่วนจะเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆหรือเทรนด์ใหม่ๆอีกหรือไม่ต้องจับตาดูกันต่อไป