ตามแผนยุทธศาสตร์ National e-payment master plan หรือแผนแม่บทในการพัฒนาโครงสร้างระบบการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ
รัฐบาลไทยได้ผลักดันโครงการ PromptPay บริการรับ-โอนเงินระหว่างกันแบบใหม่ โดยไม่ต้องใช้เลขที่บัญชีเงินฝากธนาคาร ใช้เพียงแค่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชน
ในด้านเอกชนสถาบันการเงินทุกสถาบันร่วมกับผู้ให้บริการบัตรเครดิตทุกแห่ง ได้ร่วมมือในการใช้มาตรฐาน QR Code เพื่อการชำระเงินแบบง่าย ๆ เปิดแอพพลิเคชั่นการใช้เงิน ใส่รหัสผ่าน สแกน QR Code ที่ต้องการชำระเงิน กรอกราคาสินค้าให้ตรง และยืนยันการชำระเงิน
โดยรูปแบบการชำระเงินดังกล่าวเป็นการร่วมมือผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมไร้เงินสด หรือ cashless society เพื่อสร้างความสะดวกปลอดภัยในการจับจ่ายใช้สอยโดยไม่ต้องพกพาเงินสด ระบบ cashless payment กำลังขยายตัวในหลายประเทศ เหตุผลก็เพื่อรัฐบาลจะได้ลดการพิมพ์ธนบัตรหรือผลิตเงินเหรียญที่มีต้นทุนสูง การใช้เงินสดกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยของประเทศพัฒนาแล้ว
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาไปไกลแล้วแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็น cashless society ในประเทศญี่ปุ่นถ้าคุณไม่มีเงินสดติดกระเป๋าไว้ ชีวิตคุณจะลำบากมาก เพราะร้านค้าส่วนใหญนิยมรับเงินสดมากกว่าบัตร ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติของประเทศที่พัฒนาแล้ว มีการวางโครงสร้างพื้นฐานของสังคมไร้เงินสดมาอย่างเพียบพร้อม มีการนำระบบ mobile payment มาใช้ตั้งแต่ปี 2004
ข้อมูลจากธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ หรือ BIS ระบุว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พึ่งพาการใช้เงินสดมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยข้อมูลเมื่อปี 2015 ซึ่งปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เปิดเผยว่าญี่ปุ่นมีอัตราเงินสดหมุนเวียนสูง เกือบ 20% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP สูงที่สุดในบรรดา 18 ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ BIS รวบรวมข้อมูลไว้สูงกว่าสหรัฐอเมริกาถึง 2.5 เท่า ขณะที่ประเทศที่พึ่งพิงการใช้เงินสดน้อยที่สุดคือสวีเดน มีอัตราการใช้เงินสดหมุนเวียน ในระบบเพียง 1.7 ต่อ GDP
คนญี่ปุ่นนิยมเก็บเงินสดติดตัว ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ผลสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ BOJ ระบุว่าคนญี่ปุ่นส่วนมากรู้สึกไม่สบายใจเมื่อใช้บัตรเครดิต โดยกังวลว่าอาจเผลอใช้เงินซื้อของมากเกินจำเป็น เกรงว่าจะถูกปลอมแปลงข้อมูลและถูกนำไปใช้โดยมิชอบ เนื่องจากการใช้บัตรเครดิตข้อมูลการใช้จ่ายจะถูกบันทึกไว้อย่างละเอียด ผลสำรวจพบว่าคนญี่ปุ่นมีบัตรเครดิดในระบบมากกว่า 258 ล้านใบ เฉลี่ย 2.5 ใบต่อคน ใกล้เคียงกับสหรัฐฯที่ 2.6 ใบต่อคน คนญี่ปุ่นพกบัตรเครดิตหลายใบ แต่ใช้น้อยมากแค่ 17% ของการจับจ่ายซื้อสินค้าเท่านั้น คนญี่ปุ่นกังวลว่าการใช้บัตรเครดิตคือการก้าวสู่ความเป็นหนี้ แม้ว่าจะมีผลประโยชน์เช่น คะแนนสะสมหรือความสะดวกในการใช้งาน
ยูโกะ กาไว Head of Fintech Center ของ BOJ เปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า ญี่ปุ่นยังไม่อยู่ในจุดที่จะออกเงินสกุลดิจิทัลได้ เนื่องจากไม่มีความต้องการโดยสิ้นเชิง เป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ปัจจุบันประมาณ 0.017 สำหรับเงินฝาก 10 ปี การฝากเงินจึงไม่ค่อยมีประโยชน์
สำหรับประเทศไทยที่กำลังผลักดันระบบการชำระเงิน “พร้อมเพย์” (PromptPay) หรือ “พร้อมจ่าย” กระตุ้นให้พร้อมจับจ่ายใช้สอยเต็มที่ แจกบัตรคนจนจำนวนมาก เพื่อต้องการให้ GDP เติบโต สถาบันการเงินเกือบทุกแห่งแข่งกันในตลาดสินเชื่อรายร่อย จนยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนไทย เติบโตอย่างรวดเร็ว ไตรมาส 2/2561 ขยับเป็น 12.3 ล้านบาท เติบโต 5.7% เพิ่มขึ้น 1.7 แสนล้านบาท จากไตรมาสแรก เมื่อเผชิญกับการขึ้นดอกเบี้ยของ ธปท.อีก0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภาระการชำระหนี้ก็เพิมมากขึ้น โดยรายได้ไม่เพิ่มขึ้น ทำให้หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อไป
อยากให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้เตือนสติ รณรงค์ให้คนไทยมีวินัยการใช้เงินอย่างจริงจังเหมือนคนญี่ปุ่น ประเทศที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ไม่ต้องห่วงเรื่องการเป็นสังคมไร้เงินสด เพราะทุกวันนี้ในกระเป๋าคนไทยก็ไร้เงินสดอยู่แล้ว
สวัสดีปีใหม่ครับ..