จะสร้างความรักชาติ จิตสำนึกเพื่อส่วนรวมได้อย่างไร

จะสร้างความรักชาติ จิตสำนึกเพื่อส่วนรวมได้อย่างไร

การจัดอันดับสามารถในการแข่งขันของประเทศต่างๆ โดยสถาบันการพัฒนาด้านการบริหารจัดการนานาชาติ IMD ปีล่าสุด (2018)

 ไทยมีคะแนนรวมอยู่ที่อันดับ 38 จาก 140 ประเทศ เนื่องจากสถาบันนี้เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจแนวคิดตลาดเสรี ไทยจึงได้คะแนนเรื่องเศรษฐกิจสุง แต่เรื่องการศึกษา สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม ได้คะแนนและอันดับที่ต่ำ

การที่ประเทศไทยจะแข่งขันสู้ประเทศอื่นในทางเศรษฐกิจได้จริง ไม่ใช่แค่พัฒนาทางด้านการผลิตสินค้า, บริการ และการศึกษาวิชาชีพเท่านั้น เราต้องสร้างพลเมืองที่ฉลาดทั้งด้านปัญญา อารมณ์ และสังคมด้วย ความฉลาดด้านที่ 3 นี้หมายถึงการที่พลเมืองมีจิตสำนึกเรื่องความรักหมู่คณะ การทำงานร่วมกันเป็นทีม การทำงานเพื่อชุมชน เพื่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ซึ่งจะทำให้ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกันในระยะยาวมากกว่าการเน้นการแข่งขันแบบตัวใครตัวมัน

สังคมที่จะสร้างความรักชาติได้อย่างแท้จริง (ไม่ใช่แค่การอวดโวหารหรือการแสดงออกแบบพิธีการ) ต้องเป็นสังคมที่ยอมรับนับถือสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคประชาชนพลเมือง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนเป็นเจ้าของประเทศ มีบ้าน มีที่ดิน มีการศึกษา มีงานที่เหมาะสม และได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์และฐานะศักดิ์ศรีที่เป็นธรรม ทำให้คนรัก ภูมิใจในชุมชน หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงการช่วยกันพัฒนาประเทศโดยรวม

การจะสอนความรักชาติอย่างได้ผล ควรจะสอนประวัติศาสตร์สังคมที่ยกย่องยอมรับบทบาทของบรรพบุรุษที่เป็นประชาชนพลเมืองด้วย ไม่ใช่ยกย่องเฉพาะผู้นำระดับสูง ควรส่งเสริมให้ประชาชนรักและภูมิใจในความเป็นพลเมืองไทย ผู้มีทั้งเรื่องสิทธิและหน้าที่จะต้องทำ วิชาหน้าที่พลเมืองควรฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ โดยเพิ่มเรื่องสิทธิพลเมืองด้วย แต่ต้องปฏิรูปครูอาจารย์และการวัดผล ให้เข้าใจและสามารถสอนให้ผู้เรียนเข้าใจได้จริง ไม่ใช่สอนและเรียนกันแบบท่องจำเหมือนนกแก้ว

การส่งเสริมกระตุ้นให้คนรักชาติอย่างเข้าใจความเชื่อมโยงของคนในสังคมต้องทำมากกว่าเรื่องใช้กฎหมายและพิธีการ เช่น การเคารพธงชาติ ร้องเพลงชาติทุกเช้าเย็น คือควรส่งเสริมให้เด็กเยาวชนขยันเรียน ประชาชนขยันทำงาน (อย่างซื่อตรง, มีประสิทธิภาพ) เพื่อช่วยกันพัฒนาชาติ นิยมใช้ของที่ผลิตภายในประเทศมากกว่าของหรูหราที่สั่งเข้าจากต่างประเทศ เสียภาษีอย่างตรงไปตรงมา ทำหน้าที่พลเมืองดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่ยากจนและด้อยโอกาส ช่วยกันพัฒนาเรื่องการศึกษา สาธารณสุข สังคม วัฒนธรรมด้านต่างๆ ฯลฯ ต่อต้านการทุจริตฉ้อฉลของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อให้พลเมืองทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้มแข็งและพัฒนาเดินหน้าไปด้วยกันทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมเติบโตแต่ความมั่งคั่งกระจุกตัวอยู่กับคนรวยส่วนน้อยอย่างที่ทุกรัฐบาลทำมา

การจะทำให้นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐเลิกหรือลดทุจริตฉ้อฉลได้ต้องปฏิรูป ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) และกกต. รวมทั้งองค์กรอิสระหรือค่อนข้างอิสระอื่นๆ เช่น ศาลต่างๆ ให้เป็นกลางและมีวิสัยทัศน์เพื่อส่วนรวมมากกว่าเพื่อตัวเองและพรรคพวก พัฒนาระบบที่เลือกคนที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ มีความคิดของตนเองที่ทำเพื่อประชาชนส่วนรวม เป็นอิสระ มากกว่าทำงานแบบข้าราชการแนวเก่าที่เกรงใจ, เอาใจรัฐบาล ต้องหาทางทำให้ประชาชนตั้งแต่เด็กนักเรียนถึงผู้ใหญ่เกิดความรักชาติอย่างเข้าใจชัดเจนว่าการที่ภาครัฐมีการทุจริตฉ้อฉลในระดับสูงเมื่อเทียบประเทศอื่นเป็นการทำลายความเข้มแข็งและความมีประสิทธิภาพของคนและองค์กร ทำให้ประเทศไทยไปแข่งขันสู้คนอื่นเขาไม่ได้ และถ้าปราบการทุจริตฉ้อฉลไม่ได้เหมือนที่บางประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ได้ทำมาแล้ว คนไทยทั้งหมดรวมทั้งลูกหลานจะอยู่รอดอย่างมีคุณภาพชีวิตได้ยาก

เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างการศึกษาและวัฒนธรรมแบบใหม่ที่ช่วยให้ประชาชนคิดวิเคราะห์เป็น มีความฉลาดและจิตสำนึกแบบพลเมืองที่เห็นว่าประโยชน์ส่วนรวมสำคัญกว่าประโยชน์ส่วนตัว เข้าใจว่าตนเองและลูกหลานด้วย จะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นในระยะยาวมากกว่าแก่งแย่งแข่งขันกัน วิพากษ์วิจารณ์ และหาทางทำให้การคิดและพฤติกรรมแบบอำนาจนิยม อภิสิทธินิยม จารีตนิยมลดลง พร้อมกันไปกับการสร้างวัฒนธรรมเสรีประชาธิปไตยที่ใจกว้าง รู้จัก รับฟัง เคารพสิทธิเสรีภาพของคนอื่นที่คิดแตกต่างแต่ไม่ถึงกับเป็นภัยต่อส่วนรวม

ต่อเมื่อมีการสร้างพลเมืองให้มีความฉลาดและความเข้มแข็งเท่านั้น คนไทยจึงจะใช้ปัญญารวมหมู่ทำงานร่วมกันแบบแข่งขันกับแบบแข่งขันกับประเทศอื่นๆ และอยู่อย่างมีคุณภาพชีวิตและมีศักดิ์ศรีได้

ปัญหาความล้าหลังทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และระบบนิเวศ (สิ่งแวดล้อม) มาจากปัญหาใหญ่ 2 ข้อคือ 1. โครงสร้างสร้างและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจการเมืองแบบทุนนิยมผูกขาดที่เป็นบริวารทุนต่างชาติ 2. ปัจจัยทางด้านวัฒนธรรม การสร้างค่านิยมแบบเจ้าขุนมูลนาย บวกกับทุนนิยมผูกขาดที่ทำให้คนอยากเป็นใหญ่ อยากมีอำนาจอยากร่ำรวยเหนือคนอื่น ด้วยความเชื่อว่า นี้คือเรื่องสำคัญที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จ มีความสุขความภาคภูมิใจ แต่ในชีวิตจริงของคนเรา ความรวยและอำนาจไม่ได้ทำให้มีความสุขอย่างแท้จริง

นักจิตวิทยาพบว่าเรื่องที่จะทำให้คนมีความสุข นอกจากการมีปัจจัยพื้นฐานยังชีพได้แบบพอเพียงแล้ว คือ การมีครอบครัว เพื่อน การทำงานและชีวิตทางสังคมที่อบอุ่นสร้างสรรค์ มากกว่าเรื่องการมีอำนาจและความร่ำรวย เพราะในประเทศที่ร่ำรวยกว่าไทย เช่น สหรัฐฯ พบว่าคนรู้สึกมีความสุขลดลงเทียบกับการสำรวจเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว คนไทยยุคนี้ก็มีปัญหาความเครียด ความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า ปัญหาการเสพติดยา การพนัน เรื่องเพศ เกมคอมพิวเตอร์ ปัญหาการฆ่ากัน การฆ่าตัวตาย ฯลฯ เพิ่มขึ้น

แนวทางที่จะแก้ปัญหาพัฒนาประเทศให้ประชาชนมีความสุขได้อย่างแท้จริงคือ การปฏิรูปเศรษฐกิจการเมืองครั้งใหญ่เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตยแนวระบบนิเวศ

ระบบใหม่นี้ มุ่งจัดสรรทรัพยากรและใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทางเลือก เกษตรทางเลือก สาธารณสุขทางเลือก ฯลฯ อย่างเน้นประสิทธิภาพเพื่อส่วนรวม กระจายผลผลิตและบริการอย่างเป็นธรรม และเน้นการพัฒนาทางเลือกเพื่อจำกัดขนาดการเติบโตเชิงปริมาณ แต่ยังพัฒนาเชิงคุณภาพได้ เพื่อให้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอยู่ได้อย่างยั่งยืนถึงรุ่นลูกหลาน (อ่านวิทยากร เชียงกูล เศรษฐกิจระบบนิเวศ เพื่อโลกที่เป็นธรรมและยั่งยืน สนพ.บ้านพระอาทิตย์ 2554 และ เศรษฐกิจแนวใหม่ฯ สนพ.กรุงเทพธุรกิจ 2558)