ตลาดหุ้นไทยปี 2562: ตลาดหมี (Bear market) แต่ยังพอมีความหวัง

ตลาดหุ้นไทยปี 2562: ตลาดหมี (Bear market) แต่ยังพอมีความหวัง

แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะกำลังเข้าสู่ภาวะหมี แต่ยังพอมีความหวังที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2562

ตลาดหุ้นปี 2561 ปิดฉากด้วยความผิดหวังของนักลงทุน ดัชนี SET index ปรับลง -11.2% (ขณะที่ผมเขียนบทความ ดัชนี SET index ปิดที่ 1,556 จุด) รวมทั้งปริมาณซื้อขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แย่กว่าที่ฝ่ายวิจัย บล เคจีไอ (ประเทศไทย) และรวมถึงนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ หรือ Consensus คาดการณ์ อันเนื่องมาจากหลายๆปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ ซึ่งกระทบทั้งบรรยากาศการลงทุน, Valuation, และกำไรของบริษัทจดทะเบียน อาทิ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น, ประเด็นสงครามการค้า, ความกังวลต่อโอกาสชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและโลก, และความผันผวนของราคาน้ำมันดิบระหว่างปี 2561 เป็นต้น ขณะที่ประเด็นเรื่องการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยนั้นกลับไม่สามารถดึงบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้กลับมาดีขึ้นดังที่คาดหวังกันไว้ 

สำหรับมุมมองต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2562 ของฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ (ประเทศไทย) สามารถสรุปได้ดังนี้ 

1) ประเมินเป้าหมายดัชนี SET index ปี 2562 ที่ 1,800 จุด อิงระดับเป้าหมาย PE ratio ที่ 15.4 เท่า โดยเป้าหมาย PE ratio ที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินได้คำนึงถึงสภาพคล่องในตลาดหุ้นที่จะลดลง (ผลจากการสิ้นสุดนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน) รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกแล้ว

2) มีโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะโยกย้ายเงินทุนเข้าตลาดเกิดใหม่ (รวมถึงตลาดหุ้นไทย) ในปี 2562 หลังจากที่มีเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ จนส่งผลให้ราคาหุ้นตลาดเกิดใหม่ปรับลงแรงในปี 2561 ที่ผ่านมา โดยฝ่ายวิจัยฯประเมิน Valuation ตลาดเกิดใหม่ขณะนี้ลดลงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ รวมถึงค่าเงินบาทเทียบค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีทิศทางที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยอาจไม่ใช่เป้าหมายแรกของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจาก i) ค่าเงินบาทไม่ได้อ่อนค่าแรงมากนัก ทำให้ Upside จากประเด็นค่าเงินอาจมีไม่มาก และ ii) อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยอยู่ในระดับปานกลางเท่านั้น (นักเศรษฐศาสตร์ ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ คาด GDP ปี 2562 ไว้ที่ 4.0%) 

3) ธีมการลงทุนสำหรับ 1Q62 ได้แก่ i) การลงทุนภาครัฐฯและเอกชน (KTB, STEC, SEAFCO), ii) การบริโภคในประเทศ (CPALL, MTC), iii) หุ้นที่มีโอกาสถูกปรับประมาณการฯขึ้น (BDMS), iv) หุ้นปันผลสูงและโครงสร้างรายได้มีความเสี่ยงต่ำ (LH), และ v) ผลการดำเนินงานพลิกฟื้น (TRUE)4) ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้ผิดจากที่ฝ่ายวิจัยฯคาดการณ์ ประเด็นแรกคือเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจและตัวแปรต่างๆเริ่มส่งสัญญาณเตือน โดยเฉพาะเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือ Yield curve ของสหรัฐฯที่เริ่มส่งสัญญาณเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือ Recession ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งผมเคยเขียนบทความก่อนหน้านี้ อธิบายสถานการณ์ที่ Yield curve เริ่มมีความชันลดลง หรือ Flat yield curve ว่ามีความสัมพันธ์กับการชะลอตัวของการบริโภคของสหรัฐฯ และอาจลุกลามเป็นวิกฤตเศรษฐกิจได้ หากมีเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าเข้ามาซ้ำเติม เช่น ในปี 2533 เกิดสงครามอ่าวเปอร์เซีย, ปี 2543 เกิด dot com, และปี 2550 - 51 เกิดวิกฤติ "สินเชื่อซับไพรม์" ซึ่งสำหรับรอบนี้ประเด็นที่ไม่อาจมองข้ามคือสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่หากยืดเยื้อไม่สามารถหาข้อยุติได้ อาจเป็นเหตุซ้ำเติมให้เกิดเป็นวิกฤตเศรษฐกิจได้เช่นกัน นอกจากนี้ในมุมมองด้าน Valuation แม้ว่าในขณะนี้จะเริ่มกลับมาสู่ระดับที่มีความแพงลดลงจากก่อนหน้า แต่แนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งของเฟดและของธนาคารแห่งประเทศไทยเอง อาจทำให้ระดับของ PE ratio ของ SET index ต้องปรับลดลงอีก เพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมกับระดับของอัตราดอกเบี้ยหรือ Discount rate แม้ว่าการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่กลับเป็นผลลบต่อ Valuation ของภาพรวมตลาดหุ้น ซึ่งในกรณีที่การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับอัตราการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียน ระดับราคาของดัชนี SET index ก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรอบนี้ในขณะที่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลง จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังไม่อาจมองข้ามสำหรับการลงทุนในปี 2562

โดยสรุป แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะกำลังเข้าสู่ภาวะหมี แต่ยังพอมีความหวังที่จะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2562 จากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่น่าจะกลับเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่อีกครั้ง รวมถึง Valuation ตลาดหุ้นไทยที่ผ่อนคลายลงมาก อย่างไรก็ดีประเด็นเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและโลก รวมทั้งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดและธนาคารแห่งประเทศไทย ในสถานการณ์ที่ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลด เป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตามสำหรับการลงทุนปี 2562 ... บทความนี้คงเป็นฉบับสุดท้ายของผมส่งท้ายปี 2561 จึงขอสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านและนักลงทุนทุกท่าน ขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสำเร็จกับการลงทุนในปี 2562