ก้าวสู่ปี 2019 กับแยกสำคัญของเศรษฐกิจโลก

ก้าวสู่ปี 2019 กับแยกสำคัญของเศรษฐกิจโลก

ผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับปี 2018 ที่การลงทุนทำได้ยากลำบากเพราะราคาสินทรัพย์ทั่วโลกต่างปรับตัวลงท่ามกลางความกังวลหลายๆ เรื่อง

โดยบทเรียนสำคัญจากปี 2018 คือ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกขับเคลื่อนโดยนโยบายการเงินหรืออัตราความเร็วของการขึ้นดอกเบี้ยของ FED มากกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลัง เช่น การลดภาษีนิติบุคคลในปลายปี 2017 ที่ทำให้กำไรของบริษัทสหรัฐฯ เติบโตขึ้นมากในปีนี้

สินทรัพย์เสี่ยง อาทิ หุ้นและหุ้นกู้เอกชน อ่อนไหวมากต่อข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

ความกังวลว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วไป นำไปสู่การหดตัวของสภาพคล่อง กดดันตลาดหุ้น และกลับมาหนุนตลาดตราสารหนี้ สวนทางกับความเคลื่อนไหวในช่วงต้นปี ที่แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ กดดันตลาดตราสารหนี้ (เพราะดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ทำให้ Yield สูงขึ้น และราคาลดลง)

หากพิจารณาจากบทเรียนปีที่แล้วและมองไปข้างหน้า คาดว่าตลาดทุนโลกจะยังคงผันผวนสูง โดยศูนย์กลางที่ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงจะมาจากสหรัฐฯ ที่อยู่ในช่วงท้ายของวัฎจักร (Late cycle) อันหมายถึงเศรษฐกิจจะเผชิญกับอัตราการเติบโตที่จำกัดในอนาคต หลังผ่านการฟื้นตัวและเติบโตต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2009)

ทั้งนี้ อนาคตตลาดทุนโลกจะเดินหน้าไปทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับการดำเนินนโยบายการเงินของ FED เป็นหลัก ทางแยกที่ 1 มีโอกาสเกิดขึ้น 60% คือ FED ขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยยอมให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเหนือเป้าหมาย 2% ในบางช่วงเวลา ในสถานการณ์นี้ คาดว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (ดอกเบี้ยหักเงินเฟ้อ) จะอยู่ระดับต่ำ สามารถกระตุ้นกิจกรรมทางธุรกิจได้ต่อเนื่อง แม้ GDP โลกจะเติบโตช้าลงแต่อยู่ในวิสัยที่รับได้ ตลาดหุ้นไปได้ต่อ โดยเฉพาะในฝั่งประเทศเกิดใหม่ ขณะที่ ทางแยกที่ 2 มีโอกาสเกิดขึ้น 40% คือ เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ตลาดพันธบัตรส่งสัญญาณ Inverted Yield Curve (ดอกเบี้ยระยะยาวต่ำกว่าระยะสั้น) จากการที่ FED ไม่สนใจความกังวลของตลาดและเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ในสถานการณ์นี้ นอกจากต้นทุนกู้ยืมจะสูงขึ้น ทำให้สภาพคล่องหมุนเวียนในระบบชะงักลง จนกดดันการขยายตัวของ GDP โลก แล้ว คาดว่าความเสี่ยงจะผลักเงินดอลลาร์ให้แข็งค่า ตลาดหุ้นถูกขาย ขณะที่ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว เงินเยน และทองคำมีโอกาสจะปรับสูงขึ้น ดังนั้น คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับการปรับพอร์ตเข้าสู่ปี 2019 คือ เตรียมสภาพคล่อง จัดพอร์ตที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของตัวเอง กระจายลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภท โดยตระหนักถึงพื้นฐานสินทรัพย์ที่เลือกลงทุนเป็นหลัก ขณะที่การเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น