เขาควรจะได้เป็น บิล เกตส์

เขาควรจะได้เป็น บิล เกตส์

บิล เกตส์ ร่ำรวยเพียงใด ใครก็รู้ แต่ผู้ที่ควรจะได้เป็น บิล เกตส์ น่าจะเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า “แกรี่ คิลดอล”

บังเอิญชะตาชีวิต มิได้ลิขิตให้เป็นเช่นนั้น แกรี่ คิลดอล จึงเป็นเพียงฟุตโน้ตเล็กๆ ในประวัติศาสตร์ของวงการคอมพิวเตอร์ เท่านั้นเอง

ต้นทศวรรษ 1970s ผมไปเรียน MBA ที่เคลล็อกส์ ในยามค่ำคืนผมต้องนั่งหลังขดหลังแข็งตอกข้อมูลลง การ์ดไอบีเอ็ม ก่อนนำกองการ์ดสูง 5-7 นิ้ว ใส่เข้าเครื่องอ่าน เพื่อส่งให้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ประมวลผล บางครั้งตอกข้อมูลผิดตัวเดียว เครื่องก็ไม่อ่าน ต้องกลับมาหาจุดผิด เสียเวลามากมาย

ต้นทศวรรษ 1980s ผมกลับไปทำ Ph.D. ที่อิลลินอยส์ คราวนี้โลกเปลี่ยนไปเยอะ ผมได้สัมผัสกับ Apple II ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ที่กำลังมาแรง และปลุกยักษ์ใหญ่อย่าง IBMให้ต้องเร่งปรับกลยุทธ เพื่อผลิต PC ออกมาวางตลาดสู้กับ AppleII โดยเร็วที่สุด

IBM เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีทำงาน ใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะพัฒนา IBM PC ให้ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งก็ทำได้ และประสบความสำเร็จสุดขีด ยอดจำหน่ายสูงมากและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมมีโอกาสใช้ IBM PC รุ่นแรก ระหว่างทำปริญญาเอกอยู่ที่นั่น

ความสำเร็จเกินคาดของ IBM PC ทำให้ บิล เกตส์ แห่งไมโครซอฟท์ ร่ำรวยอย่างรวดเร็ว เพราะ IBM PC ใช้ระบบปฏิบัติการของ ไมโครซอฟท์ ที่เรียกว่า “MS-DOS”ซึ่งตรงนี้แหละ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ชายชื่อ แกรี่ คิลดอล

เพราะในระหว่างการพัฒนา IBM PC นั้น ทีมงาน IBM ได้ไปพบกับ บิล เกตส์ ขอให้เขาลงนามในหนังสือรักษาความลับ แล้วแจ้งให้ทราบว่า IBM จะให้บิล เป็นผู้จัดทำ “ระบบปฏิบัติการ” เพื่อใช้กับ IBM PC ที่กำลังพัฒนาอย่างเร่งรีบ

บิล เกตส์ ไม่สามารถที่จะตอบสนอง IBM ได้ เขาจึงแนะนำให้ IBM ไปคุยกับ แกรี่ คิลดอล แห่งบริษัท ดิจิทัล รีเสริช จากนั้น บิลก็โทรศัพท์ไปแจ้งแกรี่ว่า “จะมีคนไปพบนะ" แต่การที่บิล ได้ลงนามในหนังสือรักษาความลับไว้กับ IBM เขาจึงบอกแกรี่ไม่ได้ว่า ผู้ที่จะไปพบเป็นใคร เขาบอกเพียงว่า “เป็นคนสำคัญในวงการ”

แกรี่ คิลดอล เป็นผู้เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์ระดับปริญญาเอก บริษัท ดิจิทัล รีเสริช ของเขา มีระบบปฏิบัติการ CP/Mอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงวันนัดหมาย เขากลับขับเครื่องบินส่วนตัวไปทำธุรกิจกับอีกรายหนึ่ง เมื่อ IBM ไปถึง จึงได้พบเพียง โดโรธี ภรรยาของเขา ซึ่งทำหน้าที่ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ

IBM ขอให้ โดโรธี ลงนามในหนังสือรักษาความลับ แต่โดโรธี ไม่ยอมลงนามและกลายเป็นประเด็นยืดเยื้อ จนทีม IBM เบื่อหน่าย เลิกเจรจา แล้วหวนกลับไปหา บิล เกตส์ อีกครั้งหนึ่ง

คราวนี้ บิล เกตส์ ไม่ปล่อยให้โอกาสทองผ่านไป เขาตอบ IBM ว่าเขาจะทำระบบปฏิบัติการให้ แล้วเขาก็ไปซื้อระบบปฏิบัติการ “QDOS”มาจากบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่ง ในราคาเพียง $75,000 เท่านั้น และพัฒนาให้เป็น MS-DOSซึ่งใช้กับ IBM PC

“QDOS”มีชื่อเรียกเต็มๆว่า Quick and Dirty Operating System นัยว่าใช้โค้ดบางอย่าง ที่มาจากระบบ CP/M ของ แกรี่ คิลดอล เมื่อเป็นเช่นนั้น แกรี่จึงขู่จะฟ้อง IBM แต่ IBM ก็เจรจาว่า จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อเลือกใช้ระบบปฎิบัติการ MS-DOS ของบิล หรือ CP/M86 ของแกรี่ก็ได้ แกรี่จึงตกลงยอมความ

แต่เมื่อ IBM ตั้งราคาขาย กลับขาย MS-DOS (ต่อมาเรียกว่า PC-DOS)ในราคา $40.00 แต่ขาย CP/M86 ของแกรี่ ที่ราคา $240.00ทำให้ยอดขาย CP/M86 หายไปจากตลาดในทันที

ส่วน บิล เกตส์ และไมโครซอฟท์ ไปไกลกว่านั้นมาก เพราะบริษัทผูู้ผลิต PC เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และเขาก็จำหน่ายระบบปฏิบัติการให้กับทุกราย เนื่องจากบิลไม่เคยสัญญากับ IBM ว่าจะขายให้เฉพาะ IBM เท่านั้น

รวยอยู่แล้ว ก็เลยรวยหนักยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วน แกรี่ คิลดอล วันที่เขาปล่อยให้โอกาสทองผ่านไป คงเป็นวันที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิต หลังจากนั้นชีวิตเขาก็เปลี่ยนไป เขาเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเขียนบันทึกส่วนตัวซึ่งกระทบกระทั่งบิล เกตส์ ฯลฯ แต่ในที่สุด ทุกอย่างก็จบสิ้นลง

ชีวิตแกรี่เปลี่ยนไป โดโรธีขอหย่าขาด แกรี่กลายเป็นคนติดเหล้า ผิดหวังในชีวิต เขาเจ็บปวดเมื่อมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เชิญเขาไปงานในฐานะ “ศิษย์เก่าดีเด่น” แต่กลับเชิญบิล เกตส์ ซึ่งเรียนไม่จบฮาร์วาร์ด ให้เป็น “ผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษ”

ต่อมาแกรี่ได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะ บางแหล่งบอกว่าเขาล้มศรีษะฟาดพื้น บางแหล่งบอกว่า เขาบาดเจ็บจากการต่อสู้ แต่ที่น่าเสียใจก็คือ แกรี่เสียชีวิตใน 3 วันต่อมา ในวัยเพียง 52 ปี เท่่านั้น

เรื่องราวของแกรี่ คงตรงกับที่ฝรั่งพูดว่า “โอกาส มาเคาะประตูเราเพียงครั้งเดียว เท่านั้น” (แต่ก็น่าคิดนะครับ ว่าทำไมโอกาสจึงกลับไปหา บิล เกตส์ ถึง 2 ครั้ง!) ส่วนคนไทยเรา อาจอธิบายได้ว่า “แข่งอะไรก็แข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนา แข่งกันไม่ได้” ถ้าเป็นศาสนาพุทธ ก็อธิบายได้ว่า “บุญมี แต่กรรมบัง” ดังนั้นเราจึงควรสร้างบุญ สะสมบุญ ไว้เสมอ

มิน่ำล่ะ บิล เกตส์ จึงเป็นคนใจบุญมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า ลึกๆแล้วเขาคิดอย่างไรกับแกรี่ และเขาได้หาโอกาสตอบแทนแกรี่ ในรูปแบบใดบ้างหรือไม่

ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ เราวางแผนได้ แต่อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาเท่านั้น

นั่นน่ะสิ... แล้วคุณรู้ไหมว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ใครจะเป็นคนมีบุญวาสนาคนนั้น หน้าตาจะคล้ายกับคนปัจจุบัน หรือไม่?

อีกไม่นานก็รู้ครับ