ล่องแม่น้ำโรน ชมห้องเรียนและที่พำนักของพ่อ***

ล่องแม่น้ำโรน ชมห้องเรียนและที่พำนักของพ่อ***

ผมได้เดินทางไปท่องเที่ยวล่องเรือแม่น้ำโรน ที่เนชั่นทีวีและพันธมิตรจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.่ - 6 พ.ย. 2561 ออกเดินทาง

ด้วยสายการบินไทย จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงซูริค เช้าของวันที่ 30 ต.ค. และเดินทาางออกจากสนามบินซูริคโดยรถโค้ช รวม 4 คัน ไปยังเมือง เจนีวา ที่มีคณะที่เดินทางมาโดยสายการบิน เอมิเรตส์ มาสมทบอีก 12 คน รวมทั้งคณะมีประมาณ 130 คน อายุมากสุด 82 ปี ยังแข็งแรง อายุน้อยสุด เป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุสองขวบครึ่งมากับคุณแม่วัยรุ่น ที่นำรถเข็นประจำตำแหน่งมาด้วย

จากเมืองเจนีวา เดินทางต่อไปยังเมือง ลีย้อง ประเทศฝรั่งเศส เช็คอินลงเรือ สำราญ ROSA STELLA หลังจากนำสัมภาระเข้าห้องพักในเรือแล้วรับประทานอาหารค่ำบนเรือ เวลา 3 ทุ่มเรือแล่นออกจากท่า ล่องตามน้ำ มุ่งหน้าไปยัง เมืองวิเวียร์ คืนนี้พักบนเรือเป็นคืนแรก

เส้นทางที่เรือROSA STELLA จะล่องแม่น้ำโรนครั้งนี้ ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ต้องผ่านเขื่อนกั้นน้ำ 12 เขื่อน จากเขื่อนในแม่น้ำโรนทั้งหมด 14 เขื่อน การแล่นเรือผ่านเขื่อนต้องแล่นผ่านระบบประตูน้ำ ขนาดของเรือจึงต้องไม่ใหญ่เกินช่องประตูน้ำ (ประมาณ14เมตร) เที่ยวไปแล่นตามน้ำ น้ำในเขื่อนมีระดับสูงกว่าน้ำหน้าเขื่อน เมื่อเรือเข้าในช่องประตูน้ำ เจ้าหน้าทีเขื่อนจะปิดประตูกั้นน้ำด้านท้ายเรือ แล้วปล่อยให้น้ำไหลออกจนมีระดับเท่ากับระดับน้ำหน้าเขื่อน จะเปิดประตูกั้นน้ำด้านหัวเรือให้เรือแล่นออกไป ในทางกลับกันเที่ยวกลับแล่นทวนน้ำ น้ำหน้าเขื่อนต่ำกว่าน้ำในเขื่อน เมื่อเรือเข้าช่องประตูน้ำแล้วจะปิดประตูกั้นน้ำด้านท้ายเรือ ให้น้ำไหลเข้าช่องประตูน้ำ จนระดับสูงเท่ากับน้ำในเขื่อนแล้ว เปิดประตูกั้นน้ำด้านหัวเรือให้เรือแล่นออกไป

วันที่31 ต.ค. 2561 รับประทานอาหารเช้าและอาหารกลางวันบนเรือ ก่อนเข้าเทียบท่าเมืองวิเวียร์ ช่วงบ่าย คณะล่องเรือยกพลขึ้นบกเดินเท้าเข้าไปท่องเที่ยวชมเมืองวิเบียร์ แล้วกลับไปที่เรือ รับประทานอาหารค่ำบนเรือ หนึ่งทุ่ม เรือแล่นออกจากท่ามุ่งหน้าสู่เมือง อารส์ (Ares)  เช้าวันรุ่งขึ้น 1 พ.ย.2561 เรือเข้าเทียบท่าเมือง อารส์ คณะขึ้นบกไปยังสถานที่ Vincent Van Gogh วาดภาพที่มีชื่อเสียงไว้ เช่นที่ร้านกาแฟที่ชื่อว่า Vincent Van Gogh Cafeในปัจจุบัน ได้เวลาพอสมควร ก็ยกพลกลับที่ตั้งในเรือ และรับประทานอาหารกลางวันบนเรือ เวลาบ่ายสองโมง เรือแล่นออกจากท่า กลับลำและแล่นทวนน้ำมุ่งหน้าไปยังเมืองอาร์วิยอง เวลา 16.00 น. เรือเข้าเทียบท่าเมืองอาร์วียอง รับประทานอาหารค่ำบนเรือแล้ว ให้นักล่องเรือขึ้นบกไปชมแสงสีช่วงกลางคืนของเมือง แล้วกลับมาพักบนเรือ เป็นคืนที่ 3

วันที่ 2 พ.ย.2561 รับประทานอาหารเช้าแล้ว ให้นักล่องเรือยกพลขึ้นบกเดินเท้าเข้าไปชมเมืองอาร์วิยองรอบกลางวันอีกหนึ่งรอบ ชมวังที่เคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ชมโบสถ์ ช้อปปิ้ง แล้วกลับถึงเรือก่อนเที่ยง รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ เวลาบ่ายสองโมง เรือแล่นออกจากท่ามุ่งหน้าสู่เมืองลีย้อง รับประทานอาหารค่ำบนเรือ พักค้างคืนบนเรือเป็นคืนที่4

วันที่ 3 พ.ย. 2561 เวลา 13.30 น. เรือเข้าเทียบท่าเมืองลีย้อง เวลาประมาณ 14.00 น. นักท่องเที่ยวยกพลขึ้นบกนั่งรถโค้ช ไปแวะที่จุดชมเมืองย่านเมืองเก่า ไปส่งยังจุดนัดพบ เพื่อเดินไปยังถนนคนเดินย่านช้อปปิ้งของเมืองลีย้อง ที่นักช้อปต้องรีบเดินรีบจ้ำทำเวลาในการช้อปปิ้งและทำเอกสารคืนภาษี เมื่อได้เวลานัดหมาย ก็เดินขึ้นรถที่จุดนัดพบกลับที่ตั้งบนเรือ เตรียมการเก็บสัมภาระ และรับประทานอาหารค่ำบนเรือนัดพิเศษนัดอำลา ซึ่งไกด์จากกรุงเทพทำหน้าที่เป็นพ่อครัวทำอาหารไทยเป็นอาหารจานหลัก หลังอาหารค่ำมีรายการบันเทิงร้องเพลงกันพอหอมปากหอมคอ แต่บางคนต้องรีบกลับเข้าห้องเก็บกระเป๋า ที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายทั้งดันทั้งกด ทั้งนั่งทับ เพื่อปิดกระเป๋าที่บวมขึ้นมากให้ได้ คืนนี้พักค้างคืนบนเรือเป็นคืนสุดท้าย

เช้าวันที่ 4 พ.ย. 2561 หลังจากรับประทานอาหารเช้าบนเรือมื้ออำลาแล้ว ทุกคนไปที่รถโค้ชประจำกลุ่มสี ตรวจดูสัมภาระครบถ้วน ขึ้นรถเตรียมเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองโลซาน เป็นอันสิ้นสุดการล่องเรือ ในครั้งนี้

ตลอดเวลาที่อยู่บน เรือROSA STELLA 5 วัน ช่วงว่าง ส่วนมากเป็นเวลาก่อนอาหารค่ำ คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล ที่เดินทางไปในเที่ยวนี้ด้วย กับคุณวิทเยนทร์ มุตตามาระ จะร่วมกันสรุปข่าวคราวเหตุการณ์ที่เมืองไทยในแต่ละวัน และ สถานการณ์ทางการเมืองให้นักล่องเรือรับทราบรับรู้ด้วย และมีการเชิญแขกพิเศษ สองท่านเล่าเรื่องที่น่าสนใจให้นักล่องเรือฟังด้วย

ท่านแรก คือนายช่างใหญ่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขง เขื่อนไชยบุรี ลาว เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า มาเล่าการสร้างเขื่อนไชยบุรีให้ฟังด้วย เขื่อนไชยบุรี เป็นโครงการที่ผู้ประกอบการไทยได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาว เป็นเวลา 31 ปี การก่อสร้างเสร็จไปแล้ว 98% เป็นฝีมือคนไทยทั้งหมด ก่อนการออกแบบก่อสร้างได้ไปศึกษาโครงการเขื่อนในแม่น้ำดานูบ และที่แม่น้ำโรนแห่งนี้ด้วย แต่ต่างกันตรงที่เขื่อนไชยบุรี ต้องสร้างบันไดปลาโจนด้วย

แขกพิเศษอีกท่านหนึ่งคือ อดีตอาจารย์โรงเรียนจิตรลดา ที่เล่าเรื่องที่มาของเพลงความฝันอันสูงสุดตามที่นายตำรวจราชสำนักเล่าให้ฟัง คือสมเด็จพระนางเจ้าพระราชีนี ในรัชกาลที่ 9 ทรงพระสุบิน เห็นสมเด็จพระนเรศวร สั่งว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 จะมีภาระและมีพระอัจฉริยภาพในการปกป้องรักษาประเทศไทยให้พ้นจากภัยทั้งปวง จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์เพลงความฝันอันสูงสุดขึ้น

จากเมืองลีย้อง รถโค้ชมุ่งหน้าสูเมืองโลซาน สถานที่เป้าหมาย คือโรงเรียนระดับประถมและมัธยมเอกชนชื่อ เอกอลนูเวลเดอราซุอิสรอม๊องต์ และอพาร์ทเม้นท์ที่จะได้ชมเฉพาะด้านนอกอาคาร 2 แห่ง แม้โรงเรียนและอพาร์เม้นท์ ดังกล่าว ไม่มีความเป็นมาเก่าแก่หรือเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เช่นโบราณสถานอื่นที่เป็นมรดกโลกที่เราได้ไปชมมาแล้ว แต่เป็นสถานที่ที่มีคุณค่าทางจิตใจของ ประชาชนชาวไทยที่เคารพรักสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย โดยเฉพาะคนไทยที่เคารพรักและคิดถึงรัชกาลที่ 9 พ่อหลวงของคนไทย ที่ท่านจากพวกเราไปอยู่บนฟ้า เนื่องจากโรงเรียนและอพาร์ตเม้นท์ดังกล่าวเป็นโรงเรียนที่ในหลวงรัชการที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เคยทรงศึกษาและพำนักเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ช่วงเวลาที่ไปชมโรงเรียนและถ่ายรูปห้องเรียน อาคารโรงเรียนหลังใหม่ที่ทรงพระราชทานสร้างไว้ มีตราสัญลักษณ์ ภปร. ประดับอยู่หน้าอาคาร และช่วงเวลาที่ไปชมอพาร์ทเม้นท์ทั้ง 2 แห่ง เลยเวลาอาหารกลางวันมานานแล้ว แต่ก็ไม่มีท่านใดบ่นหิว ขอรีบไปรับประทานอาหารกลางวันก่อน คงเนื่องจากอิ่มอกอิ่มใจมากแล้วที่ได้ชมห้องเรียน และที่พำนัก ของพ่อหลวงเมื่อทรงพระเยาว์

หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ได้ไปสวนสาธารณะ ริมทะเลสาบเจนีวา ชมศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติที่ รัฐบาลไทยสร้างไว้ในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ครองราชย์ครบ 60 ปีที่เด่นสง่ามาก

จากเจนีวาเดินทางต่อไปที่เบิร์น เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พักที่นี่หนึ่งคืนรุ่งเช้าวันที่5 พ.ย. เดินทางไปซูริค ขึ้นเครื่องบินการบินไทยกับกรุงเทพ

*** ชื่อเต็ม: ล่องเรือแม่น้ำโรน แล้วชมห้องเรียนและที่พำนักของพ่อหลวงเมื่อทรงพระเยาว์