เพิ่มอายุให้พอร์ตเกษียณ

เพิ่มอายุให้พอร์ตเกษียณ

ผมไม่อยากเริ่มต้นทักทายด้วยประโยคเดิมๆ(ตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา)เลยว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ยังอยู่ในอาการมึนงง และผันผวนต่อเนื่อง

แต่ภาวะตลาดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆทำให้หลายๆท่านเริ่มเบื่อหน่ายกับการติดตามภาวะพอร์ตของตัวเอง วันนี้ก็เลยอยากเขียนเรื่องของการจัดพอร์ตการลงทุนสำหรับท่านที่อยู่ในวัยเกษียณ โดยเน้นที่พอร์ตการลงทุนด้วยเงินต้น 10 ล้านบาท ที่เน้นเฉพาะพอร์ต 10 ล้านนั้นเพราะดูแล้วว่าจะเหมาะกับท่านผู้อ่านที่ต้องการมีเงินใช้จ่ายประมาณเดือนละ 40000 บาท

ผมไม่อยากให้ท่านผู้อ่านละเลยค่าใช้จ่ายแฝงที่ต้องเตรียมไว้ในแต่ละเดือนเช่น ค่าใช้จ่ายสำหรับการตรวจสุขภาพ การรักษาพยาบาล ซึ่งถ้าท่านผู้อ่านทำประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยเอาไว้ก็จะทราบรายจ่ายที่แน่นอนขึ้น รวมถึงไม่อยากให้คิดว่าเราต้องการเงินเพียงแค่ กินอยู่ วันละไม่เกิน 150 บาทก็พอ อยากให้คิดถึงเรื่องการใช้ชีวิตกับเพีอนฝูง ลูกหลาน สังสรรค์ ท่องเที่ยว เรียนรู้สิ่งที่อยากเรียน ซื้อของบางอย่างที่อยากได้เพราะการเกษียณควรเป็นการเริ่มต้นชีวิตทื่ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับความสุขไม่ใช่แค่เป็นการใช้ชีวิตที่เหลือไปวันๆ

เราลองมาเริ่มด้วยการดูว่าเงิน 10ล้านของเราจะเป็นอย่างไรถ้าเราใช้จ่ายเดือนละ 4 หมื่นถึง 7 หมื่นบาท ถ้าเราใช้จ่ายเดือนละ 4 หมื่นเงิน 10 ล้านของเราจะทำให้เราอยู่ได้อีก 20 ปี ถ้าเราใช้จ่ายเดือนละ 5 หมื่น พอร์ตเราจะหมดลงในอีก 16 ปี ถ้าเราใช้เดือนละ 6 หมื่นและ 7 หมื่นบาทพอร์ตของเราจะหมดลงในอีก 13 และ 11 ปีตามลำดับ ถ้าท่านผู้อ่านรู้สึกว่าเราน่าจะมีชีวิตที่ยาวนานกว่านั้น วิธีการก็คือนำเงิน 10 ล้านนั้นไปลงทุนครับเพื่อเงินของเราจะได้ผลตอบแทนมาให้เราได้ใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก

สมมติว่า เรานำเงินไปลงทุนด้วยการฝากเงินบางส่วนไว้ในเงินฝากประจำและบางส่วนไว้ในเงินฝากออมทรัพย์โดยมีผลตอบแทนที่ปีละ 1% (หรือดอกเบี้ยปีละ 1แสนบาทหรือเดือนละ 8,333 บาท ซึ่งน้อยกว่าค่าใช้จ่ายเดือนละ 4 หมื่นค่อนข้างมาก นั้นแปลว่ายังไงเราก็ต้องควักเงินต้นออกมาใช้อยู่ดี) และจะทำให้รายได้จากดอกเบี้ยในปีต่อๆมาของเราลดลง แต่อย่างน้อยด้วยผลตอบแทนดังกล่าวจะทำให้เราสามารถใช้เงิน 4 หมื่นบาทไปอีก 23 ปี (เพิ่มขึ้นมาอีก 3 ปี) และ จำนวนปีสำหรับค่าใช้จ่าย 5 6 และ 7 หมื่นบาทจะอยู่กลายเป็น 18 14 12ปี ตามลำดับ

คราวนี้เรามาลองจัดพอร์ตโดยนำเงินไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ (ที่มีทั้งภาครัฐและภาคเอกชน) โดยกองทุนดังกล่าวให้ผลตอบแทนต่อปีที่ 3% ผลตอบแทนในปีแรกจะอยู่ที่ 3 แสนบาทหรือ เดือนละ 25000 บาทซึ่งก็ยังน้อยกว่าค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเราอยู่ดี ซึ่งก็ทำให้เราต้องกินส่วนทุนออกไป และทำให้รายได้จากผลตอบแทนในปีต่อๆมาลดลง แต่ด้วยผลตอบแทนที่มากขึ้นจะทำให้พอร์ต 10 ล้านของเราสามารถทำให้เราใช้จ่ายเดือนละ 4 หมื่นไปได้เป็น 31 ปี(ซึ่งมากกว่าการฝากเงินถึง 8 ปี และถ้าเราใช้เดือนละ 5 6 7 หมื่นพอร์ตเราจะหมดลงในอีก 22 17 14 ปีตามลำดับ

คราวนี้เราลองมาจัดพอร์ตโดยนำเงิน 80% ไปลงทุนในหุ้นที่มีปันผลสูง(กว่า 6%) และกองทุนรีทส์ และอีก 20% ที่เหลือไปลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้เหมือนเดิม โดยสมมติว่าพอร์ตดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่ร้อยละ 5 ต่อปี ซึ่งจะทำให้เรามีรายรับจากผลตอบแทนที่เริ่มต้นที่ 5 แสนบาทหรือเดือนละ 41666 บาท ซึ่งเป็นเงินที่มากกว่าค่าใช้จ่าย 4 หมื่นบาทต่อเดือน

นั้นหมายความว่า เราไม่ต้องควักเงินต้นมาใช้เลยหรือเงิน 10 ล้านของเราจะอยู่ไปได้ตลอดไป แต่ถ้าเราใช้เดือนละ 5หมื่น 6และ7 หมื่นบาทพอร์ตการลงทุนดังกล่าวจะอยู่ได้อีก 32 ปี 22 ปี และ 17 ปีตามลำดับ

ครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือการลงทุนจะทำให้เงินของเรางอกเงยขึ้นและทำให้พอร์ตเกษียณของเราอยู่ได้ยาวขึ้นนั่นเอง ท้ายสุดนี้ผมก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกๆท่านมีความสุขและโชคดีกับการลงทุนครับ