เมื่อผมถูกแม่ค้าตลาดสดต่อว่า (โกง) ค่าโครงไก่เธอ จ่ายไม่ครบ

เมื่อผมถูกแม่ค้าตลาดสดต่อว่า (โกง) ค่าโครงไก่เธอ จ่ายไม่ครบ

เนื่องจากชีวิตส่วนใหญ่ของคนที่อยู่ในวัยหกสิบปลายๆอย่างผม ต้องอยู่บ้านคนเดียว ในขณะที่คนอื่นไปทำงานกันหมด

จึงมีเพื่อนเป็นสองตูบกับสามเหมียว เป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้าน เจ้าสี่ขาทั้งห้ามาอยู่พร้อมๆกันเมื่อต้นปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ก็เป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว และก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องเลี้ยงดูปูเสื่อเจ้าสี่ขาทั้งห้าทุกวันเป็นประจำ 

แม้ว่าจะเลี้ยงด้วยอาหารเม็ด แต่สำหรับสองตูบใหญ่ ต้องเสริมด้วยเนื้อและกระดูกบ้าง โครงไก่ จึงเป็นตัวเลือกวันละหนึ่งกิโล ไม่เคยซื้อจากห้าง modern trade แต่เคยซื้อตามตลาดสด ซึ่งตกกิโลละ 30-35 บาท 

เมื่อไม่นานมีตลาดนัดแบบแบกะดินมาเปิดที่ซอยข้างๆบ้าน เป็นตลาดสดด้วย เลยไปดูว่ามีอะไรบ้าง ปรากฏว่ามีโครงไก่ขายกิโลละ 25 บาท แต่ต้องซื้อยกถุงๆละ 10 กิโล ถ้าซื้อปลีก กิโลละ 30 บาท แต่ก็ยังถูกว่าที่ตลาดสดที่เคยซื้อ เลยเป็นลูกค้าซื้อโครงไก่เป็นประจำทุกสัปดาห์ 

ในระยะหลัง ที่บ้านมีเศษสตางค์เป็นเหรียญทุกชนิดตั้งแต่เหรียญสิบบาท ห้าบาท สองบาท หนึ่งบาท ห้าสิบสตางค์ และยี่สิบห้าสตางค์ (สลึง) เพราะคนที่บ้าน ไม่มีใครใช้เหรียญ เก็บไว้ในถุงหนักมาก จึงได้หาทางใช้เงินเหรียญซื้อโครงไก่กับแม่ค้าขายไก่สดในตลาดนัดครั้งละ 250 บาท โดยเลือกเหรียญสิบ กับเหรียญห้า อย่างละหนึ่งร้อยบาท ที่เหลืออีกห้าสิบบาทเป็นเหรียญสองบาทและเหรียญบาท แม่ค้าไก่สดคุ้นหน้ากัน ครั้งแรกๆ แม่ค้าก็นับเงินต่อหน้าว่าครบหรือไม่ ตอนหลังๆเธอบอกว่า ไม่ต้องรอนับแล้ว 

วันหนึ่งไปซื้อโครงไก่สดเช่นเคย เธอทำหน้าไม่สู้ดี บอกว่า หนึ่ง...เธอได้เงินไม่ครบ ครั้งที่แล้ว ได้เพียง 160 บาท (เป็นนัยว่า ผมโกงเธอ 90 บาท) แต่เธอไม่ได้บอกว่าผมโกงและ สอง...เธอบอกว่าราคาไก่วันนี้ขึ้น ซื้อยกถุง 10 กิโล ขึ้นเป็นกิโลละ 30 บาท ถ้าซื้อปลีกกิโลละ 35 บาท แล้วสำทับว่า เอาหรือไม่เอา เลยซื้อยกถุงในราคากิโลละ 30 บาท สิบกิโลเท่ากับ 300 บาท แพงขึ้นมาทันใด 50 บาท แล้วก็นึกว่า ทำไมราคาขึ้นก้าวกระโดดแบบนี้ 

นึกถึงสมัยคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี มีปัญหาเรื่องของแพง นายกฯสมัครแนะนำให้ทำอาหารเป็น โครงไก่ต้มฟัก และก็บรรยายว่าทั้งดีทั้งราคาถูกถ้าเงินน้อยก็ทำกินได้ทั้งครอบครัว ลดค่าอาหารได้ ตั้งแต่นั้นมา จึงคิดว่า เวลาที่จะบอกว่าเศรษฐกิจครอบครัวดีหรือไม่ดี ไม่ต้องดูที่ไหน ไม่ว่า GDP, งบประมาณเกินดุลขาดดุล อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ปริมาณสินค้าส่งออก ได้ดุลการค้าหรือเสียดุลการค้า อัตราเงินเฟ้อ และอื่นๆ ให้ดูที่ราคา โครงไก่ ก็พอ ถ้าขึ้นราคาก็แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะคนมากินโครงไก่มากขึ้น ถ้าตรงกันข้าม แสดงว่าเศรษฐกิจดี คนกินเนื้อไก่หรือเนื้อหมู เนื้อวัว กุ้ง ไม่กินโครงไก่ ราคาโครงไก่ก็ถูกลง เป็นอีกหนึ่งดัชนีชี้วัดแบบบ้านๆ ที่ไม่ต้องฟังนักเศรษฐศาสตร์บรรยาย จึงสรุปได้ว่า ตอนนี้ เศรษฐกิจบ้านเราน่าจะไม่ค่อยดีจริงๆเพราะโครงไก่ราคาขึ้นสูงมาก แสดงว่ามีอุปสงค์โครงไก่เพิ่ม แต่อุปทานเท่าเดิม โครงไก่ ราคาถูกจึงเป็นอาหารสำหรับคนยากคนจนยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด 

ว่าจะคุยเรื่องเบาๆ กลายเป็นเรื่องหนักๆไป สำหรับเรื่องที่แม่ค้าไก่สดบอกว่าถูกผมโกง 90 บาทนั้น ได้บอกเธอว่า ถ้าเธอแน่ใจ จะจ่ายเงินที่ขาดไปให้ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้นับเงินผิดตั้ง 90 บาทแน่นอน เพราะใส่ถุงพลาสติกแยกไว้ต่างหาก แต่ทำไมเธอนับได้แค่นั้นก็ไม่ทราบ เธอไม่ว่าอะไร แต่ผมก็บอกให้เธอนับเงินเหรียญต่อหน้าในวันนี้จะได้ไม่มีปัญหาอีก 

ภายหลัง ปรากฏว่าที่ห้างสมัยใหม่ พบว่าในตลาดมีโครงไก่ขายราคาแค่กิโลละ 18-20 บาท เท่านั้น ถูกกว่าที่แม่ค้าตลาดสดขายผมเกือบครึ่งหนึ่ง เลยไม่รู้ว่าผมโกงเธอ หรือเธอโกงผมกันแน่