บริหารความเสี่ยงเมื่อเฟดชี้อัตราดอกเบี้ย

บริหารความเสี่ยงเมื่อเฟดชี้อัตราดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในช่วงที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน

การสัมภาษณ์ของประธานเฟด หรือ ธนาคารสหรัฐ ถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังห่างไกลจากเป้าหมายของเฟดอาจสร้างความไม่พอใจกับประธานาธิบดี คุณโดนัล ทรัมพ์ ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ในบทบาทของนักการเมือง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ย่อมแสดงเจตนาว่า ธนาคารกลางยังเห็นสัญญานบวกของเศรษฐกิจ และอาจยังร้อนแรงเกินไป แต่สุดท้ายอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มส่งผลให้อัตราขยายตัวเศรษฐกิจเริ่มชะลอลง

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี แม้ว่าสหรัฐเริ่มปรับอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนขึ้นแล้ว แต่นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็ต้องพยายามปรับตัวด้วยการเร่งสั่งซื้อสินค้าวัตถุดิบจากจีนกักตุนใว้ใช้ในระดับสูงกว่าปกติ ก่อนจะตัดสินใจปรับเปลี่ยนสายซัพพลายการผลิต เพื่อลดผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าที่จะสูงขึ้นจากกำแพงภาษี

ตลาดหุ้นไทยยังคงอยู่ในช่วงที่ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจาก การกีกกันการค้าจากสหรัฐต่อจีน หรือ เอเซีย และทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของโลก ดังนั้น ภาวะการณ์เช่นนี้ย่อมทำให้ตลาดหุ้นเอเซีย รวมถึงประเทศไทยยังคงต้องประคองตัว ทิศทางตลาดหุ้นจะกลับมาเป็นกระทิงอีกครั้งเมื่อสหรัฐส่งสัญญาน การหยุดอัตราดอกเบี้ยแล้วนั่นเอง

สิ่งที่นักลงทุนควรคำนึงถึงคือ การปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของความผันผวนราคาหุ้นในพอร์ต วิธีเริ่มต้นง่ายๆสำหรับท่านนักลงทุนคือ 

1.ปรับพอร์ตไปสู่หุ้นที่มีมาร์เกตขนาดใหญ่ เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่ ใน SET-50/SET-100 มักจะเป็นหุ้นที่มีงบดุลด้านการเงินที่แข็งแรง สินค้ามีแบรนด์ติดตลาด ส่วนแบ่งตลาดสูง และสัดส่วนหนี้/ทุนไม่มาก  ดังนั้นผลคือ ราคาหุ้นกลุ่มนี้จะไม่ผันผวนมากนัก นักลงทุนจะเห็นกรอบการแกว่งตัวของราคาหุ้น มูลค่าหุ้นได้ชัดเจน ทำให้ท่านสามารถหาโอกาสในการทำกำไรได้ง่าย แต่อัตราผลตอบแทนจะไม่สูงมาก

2. การปรับพอร์ตหุ้นไปสู่กลุ่มเกี่ยวข้องการบริโภคประจำวัน เพื่อลดแรงกระทบหากเศรษฐกิจกลุ่มประเทศเอเซียชะลอตัวในปี 2562 เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจประเทศจีนส่งสัญญานเติบโตน้อยลงเรื่อยๆ ใน 4 เดือนที่ผ่านมา เราคาดว่ารัฐบาลจีนต้องออกมาตรการกระตุ้นการเติบโตภายในประเทศอย่างต่อเนื่องจากนี้ ผลกระทบอาจเริ่มส่งผลต่อกลุ่มประเทศเอเซีย รวมถึงประเทศไทย ท่ามกลางที่ราคาสินค้าเกษตรยังฟื้นตัวได้ไม่มากนัก 

3. ปรับพอร์ตไปสู่หุ้นที่มีสัดส่วนหนี้/ทุนไม่สูง โดยทฤษฎี หากประเทศไทยจำต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลับไปสู่ปกติ ยอดรายได้ของบริษัทจดทะเบียนอาจโตได้น้อยลง แต่บริษัทที่มีหนี้สัดส่วนสูง และอัตราทำกำไรต่ำ ผลกระทบด้านลบต่อกำไรสุทธิจะสูงกว่าปกติ นั่นหมายถึง กำไรต่อหุ้นจะถูกกระทบหนัก ราคาหุ้นสามารถปรับตัวลงได้ง่ายและลึก

4. สำรวจดูหุ้นในพอร์ตลงทุนท่านมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยระดับใด สูงหรือต่ำกว่าระดับ 3.5% หากอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเพิ่มจาก 1.50% เป็น 2-2.25% ในอีก 12 เดือน หมายถึงตลาดหุ้นควรซื้อขายในอัตราเงินปันผลสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ นักลงทุนอยู่ในภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำมานาน ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเงินปันผล 3% ซึ่งถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.50%-0.75% ล่ะ นักลงทุนจะยังยอมรับอัตราเงินปันผลระดับ 3% รึเปล่า ซึ่งอาจเป็นไปได้ยาก ดังนั้น หุ้นที่มีอัตราเงินปันผลต่ำจะเสี่ยงเพิ่มขึ้น

สุดท้ายนี้ การบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่นักลงทุนส่วนใหญ่มักมองข้าม นั่นหมายถึง ท่านอาจมีเกมรุกที่ดีเมื่อตลาดหุ้นอยู่ในภาวะขาขึ้น แต่พอร์ตเราอาจหดตัวแรง หากเราปราศจากเกมรับที่เหนียวแน่น กำไรที่สร้างมาอาจไม่สามารถเก็บได้นาน และ พอร์ตลงทุนของท่านก็จะไม่ขยายตัวได้ยั่งยืน