เปลี่ยนแรงขับ เป็นแรงส่ง ตรงเป้าหมาย

เปลี่ยนแรงขับ เป็นแรงส่ง ตรงเป้าหมาย

มีคนจำนวนไม่น้อยหยุดการเรียนรู้ แม้ว่าสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปแต่กลับไม่สนใจ พอใจกับสิ่งที่มี ติดอยู่กับภาพจำเดิม มุ่งเน้น Function มากไป

ซึ่งถ้าเชื่อในสิ่งเดิม ก็ให้ปรับปรุงของเดิม (กระบวนการเดิม สินค้าและบริการเดิม) ให้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าเราเชื่อในสิ่งใหม่ แต่ไม่แน่ใจในศักยภาพและความสามารถของตัวเราเอง ก็มอบหมายให้คนที่เชื่อมั่นในสิ่งนั้น มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำมัน มาช่วยผลักดันแทนเรา ตามแนวคิด Corporate Venture Capital

 

แต่คนที่ร่วมสมัย จะไม่ปล่อยตัวเองไปกับสิ่งเก่า หากแต่สามารถสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ แต่งเติม เสริมต่อ ให้เกิดความแตกต่างตามสมัยนิยม ให้ความสำคัญกับ Fashion ที่ไม่หยุดนิ่ง

 

สำหรับคนที่นำสมัย คือคนที่กล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่ใหม่ สิ่งที่ใหญ่ และสิ่งที่ยาก แม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะประสบความสำเร็จได้รับผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ โดยไม่กลัวความล้มเหลว มองความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่ต้องก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้ มุ่งมั่นค้นหา Future

 

สำหรับงานสร้างสรรค์และนวัตกรรม เหมือนกับการวิ่งทะยานหรือกระโจนไปข้างหน้า ทุกวันที่ก้าวออกไปในที่เวิ้งว้าง อาจยังไม่ได้อะไร ยังไม่เจอในสิ่งที่มุ่งหวัง หรืออาจล้มลงก็ได้ แต่ให้แน่ใจว่าเป็นการล้มที่ไม่ได้อยู่ที่เดิม “ล้มไปข้างหน้า” ต่างจากคนที่คิดแบบเดิมทำแบบเดิม ระมัดระวังและอยู่กับพื้นที่เดิมๆ พื้นที่ที่ตัวเองปลอดภัย นอกจากจะได้รับผลลัพธ์ที่ตกลงไปทีละน้อยและล้มลงไปในที่สุด ที่น่าประหลาดใจคือ “ล้มลงที่เดิม” ความแตกต่างของสองเหตุการณ์คือ คนสร้างสรรค์และคนที่มุ่งสร้างนวัตกรรม แม้จะล้มแต่ก็เป็นการล้มไปข้างหน้า ล้มหลังจากก้าวไปแล้วหลายก้าว ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ในทุกก้าวที่เดินไป สิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอดก้าวเดินนั้นแหละ แม้ว่าจะต้องลุกขึ้นมาลุยใหม่อีกครั้ง ก็จะรู้แล้วว่าจะเดินต่ออย่างไร ให้แข็งแรงขึ้น

 

ในขณะที่คนที่ย่ำเดินอยู่กับที่ ซึ่งในที่สุดก็ต้องล้มเหลวเช่นกัน จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปบ้าง จากความต้องการของตลาดที่เกิดขึ้นใหม่ จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่าเทคโนโลยีแบบเดิม เมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้ง ความกลัวจะมาเยือนหนักกว่าเดิม เพราะคราวนี้ไม่รู้จะก้าวต่อไปทางไหน ขาดการเรียนรู้ ขาดประสบการณ์การลองผิดลองถูก กลัวความผิดหวัง กลัวความล้มเหลวอีกครั้ง ที่สำคัญเมื่อลุกขึ้นมาอีกครั้ง จะไม่เห็นใครรอบข้างแล้ว เพราะคนนอื่นๆต่างเดินไปไกลออกไปจากจุดเดิม ไปหาตลาดใหม่ ลู่ทางใหม่ๆ และไปสร้างสิ่งใหม่แล้ว

 

จะดีกว่าไหม ถ้าจะเปลี่ยนแรงขับนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง (The Driving Force of Change) กลายเป็นแรงส่งให้เราไปอยู่ในจุดใหม่

แค่เพียงเปลี่ยนกรอบความคิด (paradigm shift) ยอมที่จะทิ้งสิ่งเดิม เมื่อค้นพบสิ่งใหม่ การวิจัยพัฒนาและแสวงหาสิ่งใหม่ต้องทำควบคู่ไปกับการทำสิ่งเดิม โดยมองว่าสิ่งเดิมคือฐานของรายได้ แต่ไม่ยั่งยืน การสร้างสิ่งใหม่ให้มาฆ่าธุรกิจเดิมที่เราอยู่ตลอดเวลาต่างหาก ที่จะทำให้ธุรกิจและองค์กรมีความยั่งยืนอยู่เสมอ ดังนั้นอย่ารอให้คนอื่น ธุรกิจอื่น องค์กรอื่น มาสร้างความปั่นป่วนจนธุรกิจเราต้องล่มสลาย (Disruption) แต่เราต้องพร้อมที่จะเป็นผู้สร้างสิ่งใหม่ให้มาฆ่าธุรกิจของตัวเราเอง ดังนั้นเราจะเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ

 

ในโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้น สิ่งใดก็ตามที่ก่อตัวและขยายวงใหญ่ขึ้นก็กลายเป็นแนวโน้มใหม่ และอาจจะกลายเป็นแนวโน้มโลกในที่สุด (Mega Trend) เราลองสำรวจตรวจสอบรอบตัวเราว่ามีอะไรบ้างที่กำลังก่อตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คน (Social change) เทคโนโลยีใหม่ที่ก้าวไกลกว่าเดิม (Technological change) สิ่งแวดล้อม การรณรงค์ และภาวะโลกร้อน (Environmental change) สภาพเศรษฐกิจ การค้า การแข่งขัน อัตราแลกเปลี่ยน (Economic change) และสุดท้ายคือนโยบายของรัฐ และกฏหมาย (Political change) รวมเรียกว่า STEEP อาทิ (1) สังคมผู้สูงวัย ซึ่งในแต่ละประเทศจำนวนเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นเด่นชัด และหลายประเทศเข้าสู่สภาพนั้นแล้ว (2) อัตราการเกิดน้อยลง (3) พฤติกรรมคนที่ติดสะดวก ติดสบาย และพยายามที่จะไม่เคลื่อนที่ไปในที่ต่างๆอันเนื่องมาจาก (4) การจราจรติดขัด โดยเฉพาะในเมืองใหม่ เราต้องใช้เวลามากในการเดินทาง (5) อินเทอร์เน็ตที่สามารถทำให้ทุกคนทำงานที่ไหนก็ได้ และไม่พลาดการติดต่อ (6) คนห่วงใยในสุขภาพความเป็นอยู่ อาหารการกิน (7) อากาศที่บริสุทธ์ ไม่มีมลพิษ พยายามลดขยะจากความเจริญก้าวหน้า และ (8) การออกกำลังกายที่ทุกคนพยายามที่จะเลือกทำอย่างน้อยหนึ่งอย่าง    

 

เมื่อความบันเทิงรูปแบบต่างๆและการนอนหลับของคน เป็นสิ่งน่ากลัวแต่ Netflix ต้องเอาชนะให้ได้ และแปลงเป็นแรงขับให้สู่เป้าหมาย และทำได้ในที่สุดด้วยยอดสมาชิกที่เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อการซื้อสินค้าออนไลน์กำลังเป็นภัยคุกคามอย่างหนักต่อค้าปลีก ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้า การเปลี่ยนแนวคิดใหม่ให้ห้างเป็นพื้นที่ชีวิตที่พร้อมรับกับดิจิทัลไลฟ์จึงเกิดขึ้น เมื่อการทำธุรกรรมทางการเงินง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ ชีวิตติดโมบายของผู้คน จึงได้รับการตอบสนองด้วยรูปแบบการใช้จ่ายที่ง่ายและทันสมัยมากขึ้น ธนาคารและสถาบันการเงินจึงพลิกโฉมแปลงร่างให้ตัวเองเป็นกระเป๋าเงินไร้สาย กระเป๋าเงินออนไลน์ในที่สุด นี่คือตัวอย่างของธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง มีพลวัตร และเติบโตไปพร้อมกับยุคสมัยอยู่เสมอ