ทำไม 'ตลาดหุ้นไทย' ทะยานขึ้นต่อ

ทำไม 'ตลาดหุ้นไทย' ทะยานขึ้นต่อ

ค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ หนี้ภาครัฐและเอกชนต่ำ กำลังซื้อคนในประเทศดีขึ้น

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,730 จุดได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศแข็งกร้าวในเรื่องการปรับอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งที่ก่อนหน้านักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่กังวลวิตกกับสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจของโลกดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,730 จุดได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศแข็งกร้าวในเรื่องการปรับอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งที่ก่อนหน้านักลงทุนในตลาดหุ้นส่วนใหญ่กังวลวิตกกับสงครามการค้าระหว่างสองประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจของโลก

ประเทศจีนตกเป็นเป้าหมายของการตั้งกำแพงภาษีจากสหรัฐ ตามที่ประธานาธิบดีหาเสียงไว้ก่อนรับตำแหน่ง โดยสหรัฐค้าขายกับประเทศจีนมูลค่ากว่า 6.7 แสนล้านเหรียญสรอ. โดยสหรัฐนำเข้าสินค้าจีนมูลค่าราว 5 แสนล้านเหรียญสรอ. แต่จีนสั่งซื้อสินค้าสหรัฐแค่ 1.7 แสนล้านเหรียญสรอ. ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้กดดันดัชนีตลาดหุ้นเอเซียมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

ทำไมตลาดหุ้นดีดขึ้นภายหลังประกาศการปรับอัตราภาษีขึ้น

ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ไตรมาสแรกปีนี้จนถึงปัจจุบัน ดัชนีตลาดหุ้นเอเซียลดลงต่ำสุดเฉลี่ย 12% จากจุดสูงสุดต้นปี พร้อมกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินเทียบสกุลดอลล่าร์อ่อนตัวลงระหว่าง 0.5-15% ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจกลุ่มประเทศเอเซียยังคงขยายตัวได้ตามเป้าที่ประเมิน สำหรับประเทศไทย ดัชนีตลาดหุ้น SET ทรงตัวนับจากต้นปี ขณะที่ค่าเงินบาทเทียบกับดอลล่าร์สรอ. มีภาพทรงตัวเช่นกัน ซึ่งแน่นอน ภาพดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคข่วย 

ขณะที่คนไทยเองอาจรู้สึกเศรษฐกิจประเทศไทยไม่ดี เนื่องจากการค้าขายไม่ไหลลื่น แต่หากมองจากตัวเลขเศรษฐกิจประเทศในภาพรวม ตัวเลขเศรษฐกิจไทยค่อยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องมีการปรับประมาณการอัตราเติบโตของเศรษฐกิจ ประเทศไทยสามารถได้ดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับธุรกิจท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งระดับโลก ภายใต้อัตราเงินเฟ้อต่ำเพียง 1.6% นอกจากนี้ ประเทศไทยเรายังพึ่งพาหนี้เงินสกุลต่างประเทศเพียง 32% เทียบกับ GDP และเป็นหนี้ระยะสั้นเพียง 14% เทียบ GDP นั่นทำให้การปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐรอบนี้กระทบต่อค่าเงินบาทไทยไม่มากเช่นในอดีต

ดังนั้น เมื่อประเทศไทยกำลังเดินทางไปสู่การเลือกตั้งในปี 2562 นักลงทุนต่างประเทศก็จะมองว่าประเทศไทยมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเริ่ม kick off โครงการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับ EEC ด้วยการทยอยออกขายหน่วยลงทุน Thailand Future Fund แม้ว่าเม็ดเงินช่วงแรกอาจไม่มากนัก แต่เป็นการส่งสัญญานว่า ประเทศไทยยึดมั่นกับแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในกรอบ 5 ปีจากนี้

ทีมวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ บ้วหลวง ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนุนโดยค่าเงินบาทที่มีเสถียรภาพ หนี้ภาครัฐและเอกชนต่ำ กำลังซื้อคนในประเทศดีขึ้น และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดี 9% ปี 2561 และ 8% ปี 2562 ตามลำดับ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทยานขึ้นทดสอบ 1800 จุดได้ไม่ยากนัก