เมื่อ ก.ล.ต.สหรัฐปฏิเสธ Bitcoin ETF

เมื่อ ก.ล.ต.สหรัฐปฏิเสธ Bitcoin ETF

จากบทความที่แล้วเราได้พูดถึงการเข้ามาของ Crypto ETF ที่จะติดตรวจตลาด Cryptocurrency

ซึ่งนักลงทุนกว่า 69% กำลังรอคอยวิวัฒนาการครั้งสำคัญของโลกการลงทุนนี้ อย่างไรก็ตามล่าสุด ก.ล.ต.ของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศไม่ผ่านความเห็นชอบ Bitcoin ETF ถึง 9 คำขอ เพราะอะไร?

Bitcoin ETF ที่มีการยื่นขอแบ่งเป็น 2 แบบ แบบแรกคือกองทุนที่ราคาอ้างอิงกับราคาบิทคอยน์ในตลาดจริง เป็นกองทุนที่จะต้องครอบครองเหรียญบิทคอยน์ไว้จริงๆ กล่าวคือผู้จัดการกองทุนเอาเงินจากนักลงทุนไปซื้อบิทคอยน์ไว้และคอยดูแลการลงทุนนี้แทนเรา โดยที่นักลงทุนไม่ต้องวุ่นวายกับการนั่งเฝ้าหน้าจอหรือหาความรู้ระดับสูงเพื่อให้ประสบความสำเร็จในการเทรดด้วยตัวเองมากมาย ส่วนแบบที่สองคือกองทุนที่ราคาอ้างอิงกับราคาของบิทคอยน์ในตลาดอนุพันธ์(Bitcoin Future) ซึ่งกองทุนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องครอบรองเหรียญบิทคอยน์ไว้จริงๆ

กองทุนแบบอ้างอิงราคาตลาดจริง

เนื่องจาก Bitcoin ETF แบบอ้างอิงราคาตลาดจริงนั้น ต้องมีการถือครองบิทคอยน์จริงๆ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณความต้องการถือครองบิทคอยน์ในตลาดให้เพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ลงทุนยังจะได้รับความคุ้มครองตามกฏหมายอีกด้วย ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าผู้ที่จะสนใจในผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบนี้คือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ และสถาบันทางการเงินต่างๆ

กองทุน Bitcoin ETF ที่อ้างอิงราคาตลาดจริงนั้นมีเพียง 3 คำขอจากทั้งหมด 14 คำขอ ซึ่งในขณะที่เขียนบทความนี้เหลืออยู่เพียงคำขอเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ก็คือกองทุนที่ขอโดย VanEck - SolidX ที่กำหนดไว้ว่าจะประกาศผลการพิจารณาในวันที่ 30 กันยายน 2018 ส่วนอีกสองกองคือ The Winklevoss Bitcoin Trust ได้ถูกปฏิเสธมาแล้วถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2017 ส่วนครั้งที่สองเมื่อ 26 กรกฎาคม 2018 และ The Bitcoin Investment Trust ซึ่งได้ถอนคำขอไปแล้ว

กองทุนแบบอ้างอิงราคาตลาดอนุพันธ์

Bitcoin ETF แบบที่อ้างอิงราคาตลาดอนุพันธ์นั้นจะโฟกัสกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูง แต่ก็ตามมาด้วยความเสี่ยงที่สูงมากขึ้นตาม โดยจะมีส่วนของ Amplifier เช่น 2x จะหมายถึงถ้าราคา Bitcoin เปลี่ยนแปลงไป 10% ราคาของกองทุนนั้นจะเปลี่ยนแปลงเป็นสองเท่าก็คือ 20% กับอีกส่วนที่เรียกว่า Bull/Bear ETF ซึ่ง Bull ETF จะอ้างอิงตามทิศทางราคาที่เกิดขึ้น ในขณะที่ Bear ETF จะเป็นกราฟกลับหัวของสินทรัพย์ เช่นถ้าราคาสินทรัพย์ขึ้น 5% ราคา Bear ETF จะตกลง 5% ทั้งนี้กองทุนประเภทอ้างอิงราคาตลาดอนุพันธ์นี้จะไม่ส่งผลกับตลาด Bitcoin จริงโดยตรง

Bitcoin ETF ที่อ้างอิงราคาตลาดอนุพันธ์นั้นมีอยู่ทั้งหมด 11 คำขอ มี 2 คำขอจากบริษัท Rex Shares ที่ถอนคำขอตนเอง และอีก 9 คำขอที่ถูกปฏิเสธไปเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2018 ซึ่งบริษัทที่ส่งคำขอคือ Direxion, GraniteShares และ ProShares

ทำไม ก...สหรัฐถึงปฏิเสธการอนุมัติ Bitcoin ETF?

สาเหตุที่ถูกปฏิเสธนั้น ทาง ก.ล.ต.สหรัฐได้ให้ความเห็นส่วนใหญ่คือประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันการหลอกลวงและการควบคุมตลาดโดยมิชอบ อย่างไรก็ตามยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่นักวิเคราะห์คาดเดาถึงสาเหตุของการปฏิเสธ

(1) ก.ล.ต.สหรัฐอาจเป็นห่วงว่ากระดานเทรดคริปโตรายใหญ่ในโลกนั้น ล้วนไม่ได้จดทะเบียนอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น Binance อยู่ใน Malta, Bitfinex อยู่ใน Hong Kong และ Bitstamp อยู่ใน Luxembourg เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้การกำกับดูแลและเข้าตรวจสอบจากรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นไปได้ยาก

(2) กฎเกณฑ์การกำกับดูแล Cryptocurrency ในหลายประเทศทั่วโลกนั้นยังไม่แน่นอนและยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในเมื่อตลาดคริปโตเป็นตลาดเดียวกันทั่วโลก นักลงทุนจากทั่วโลกลงทุนในตลาดเดียวกันทั้งหมด จึงอาจมีช่องว่างจากรายใหญ่ในการควบคุมตลาดโดยมิชอบจากบางประเทศ

(3) อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือสาเหตุที่รัฐบาลสหรัฐยังไม่อยากสนับสนุน Bitcoin เพราะ Bitcoin อาจทำให้เงินสกุลดอลลาร์ของสหรัฐที่ระบบการเงินโลกอ้างอิงอยู่นั้นสั่นคลอน

ไม่ว่าการปฏิเสธคำขอโดย ก.ล.ต.สหรัฐ นั้นแท้จริงแล้วให้น้ำหนักกับปัจจัยใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งนักลงทุนควรเข้าใจก็คือ ถ้า ก.ล.ต.อนุมัติคำขอแล้วตลาดเป็นไปได้ดี ก็จะไม่มีใครนึกถึง ก.ล.ต. มากนัก แต่ถ้าหากการอนุมัตินั้นๆ ก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างรุนแรง นักลงทุนกลับจะมาโทษ ก.ล.ต. ให้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่า ดังนั้นการอนุมัติสินทรัพย์ใหม่ๆ นั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลาและขยายความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ถ้าหาก Cryptocurrency และ Blockchain เป็นประโยชน์ต่อพวกเราทุกคนและดีกว่าระบบการเงินแบบเดิมจริง การอนุมัติรูปแบบการลงทุนใหม่ๆ รวมถึงวิวัฒนาการของเทคโนโลยีนี้ก็จะเกิดเร็วขึ้น