ทำความรู้จัก 'บล็อกเชน' เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ทำความรู้จัก 'บล็อกเชน' เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินที่ทรงอำนาจมากที่สุดในยุคดิจิทัล

คำว่า “เทคโนโลยีเอไอ (Artificial Intelligent) จะเข้ามาเปลี่ยนโลก” เป็นคำที่เราได้ยินบ่อยจนคุ้นหู และพอจะจินตนาการหรือทำความเข้าใจถ้อยคำนี้ได้ไม่ยากนัก แต่หากพูดว่า “เทคโนโลยีบล็อกเชน(Blockchain) จะเข้ามาเปลี่ยนโลกเช่นกัน” หลายคนฟังแล้วอาจสงสัยว่าบล็อกเชนจะสามารถส่งผลกระทบในระดับมหภาคจนเปลี่ยนแปลงสังคมโลกได้อย่างไร

หลายคนรู้จักบล็อกเชนพร้อมกับ “สกุลเงินดิจิทัล(Cypto Currency)” อย่างบิตคอยน์(Bitcoin) ซึ่งสองสิ่งนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บิตคอยน์เป็นเพียงสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่ง ส่วนบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าว ซึ่งหากจะให้อธิบายคำนิยามของบล็อกเชนในมุมมองของคนทำงานด้านข้อมูลอย่างผมก็คือ “วิธีการเก็บข้อมูลชนิดใหม่ที่ปราศจากคนกลางและมีความโปร่งใสสูง” นั่นเอง

บล็อกเชนมีลักษณะเป็นบล็อกเรียงต่อกันเป็นสาย โดยแต่ละบล็อกมีข้อมูลที่อ้างอิงไปยังบล็อกที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเพื่อใช้ตรวจสอบความต่อเนื่องของข้อมูล อีกทั้งมีการกระจายข้อมูลด้วยการทำซ้ำสำเนาขึ้นมาให้ใครก็ตามเข้าดูข้อมูลได้ ดังนั้นหากคุณอยากแก้ไขหรือปลอมแปลงข้อมูลในบล็อกๆหนึ่ง ก็ต้องทำกับบล็อกที่ว่านั้นรวมถึงบล็อกก่อนหน้าทั้งหมด ไม่เพียงในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว แต่ต้องทำกับคอมพิวเตอร์อีกหลายเครื่องในเครือข่ายโดยการเข้ารหัสระดับสูง ส่งผลให้ข้อมูลที่ถูกเก็บอยู่มีความปลอดภัยและยากต่อการปลอมแปลง

ก่อนที่จะมีบล็อกเชน อินเทอร์เน็ตเคยเปลี่ยนแปลงสังคมจากยุคอุตสาหกรรมที่อำนาจอยู่ในมือคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี ไปสู่การกระจายอำนาจให้เข้าถึงบุคคลทั่วไป เกิดเป็นสังคมแห่งการแบ่งปันข้อมูลอย่างอิสระ แต่อินเตอร์เน็ตก็ยังมีช่องโหว่ด้านความน่าเชื่อถือ คุณไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าคนที่ติดต่อด้วยแท้จริงคือใคร หรือเรากำลังทำเรื่องสำคัญอย่างธุรกรรมทางการเงินกับผู้ที่เราเชื่อมั่นได้จริงหรือไม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีองค์กรที่มีความน่าเชื่อถืออย่างภาครัฐหรือธนาคารเข้ามาเป็นตัวกลางในการพิสูจน์หรือยืนยันตัวตนของอีกฝ่าย รวมถึงเก็บข้อมูลส่วนตัวและทรานแซคชั่นทั้งหมดที่เกิดขึ้นด้วย

ฉะนั้นหากเราเคยมองว่าอินเทอร์เน็ตคือสิ่งช่วยกระจายศูนย์รวมอำนาจได้อย่างดี คงต้องพิจารณาใหม่อีกครั้ง เพราะในความจริงแล้ว อำนาจนั้นก็ตกไปอยู่กับผู้ที่มีความพร้อมกว่าเช่นเดิม ซ้ำยังสร้างโอกาสในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ให้เกิดง่ายขึ้นด้วย การเข้ามาของบล็อกเชนจะช่วยอุดช่วงโหว่นี้ กล่าวได้ว่า หากอินเตอร์เน็ตส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคอุตสาหกรรม บล็อกเชนก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในยุคของอินเตอร์เน็ตในทำนองเดียวกัน

บล็อกเชนมีประโยชน์หลายด้านไม่เพียงการทำธุรกรรม เพราะกิจกรรมแทบทุกชนิดของเราตั้งอยู่บนการแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น จึงสามารถปรับใช้ได้หลากหลาย เช่น ธุรกิจที่ต้องการความโปร่งใสและความเชื่อมั่นสูง ได้แก่ ธุรกิจประกันภัย หน่วยงานรัฐบาล การเลือกตั้ง ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์และการถือครองกรรมสิทธิ์ ได้แก่ เพลงออนไลน์ และอสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่ธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อน(Sensitive Data) ได้แก่ การแพทย์หรือบริการด้านสุขภาพ ฯลฯ

นอกจากนี้ ข้อมูลถือเป็นทรัพย์สินที่ทรงอำนาจมากที่สุดในยุคดิจิทัล ซึ่งเราทุกคนสามารถสร้างขึ้นเองได้ เราต่างดำเนินชีวิตโดยทิ้งร่องรอยดิจิทัลไว้และสิ่งเหล่านี้ถูกรวบรวมเป็นภาพสะท้อนตัวตนของทุกคน บล็อกเชนจะเข้ามาช่วยให้เราสามารถเก็บและบริหารข้อมูลส่วนตัวได้ด้วยตนเอง ซึ่งตอบสนองต่อการสร้างสังคมอิสระที่ใส่ใจความเป็นส่วนตัวของทุกคนได้อย่างดี

เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่ให้กับสังคม ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้ถือครองข้อมูลมีอำนาจมาก บล็อกเชนจะเข้ามาช่วยกระจายความมั่งคั่ง ลดการได้เปรียบของคนกลาง โดยให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของและแบ่งปันข้อมูลได้อย่างง่ายดายขึ้น อีกทั้งในอนาคต คนจะโหยหาความโปร่งใสในสังคมมากขึ้น บล็อกเชนจะช่วยให้หลายสิ่งมีความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องการปกป้องสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดภาวะความเจริญรุ่งเรืองและสังคมที่เสรีได้ในอนาคต