ส่องโผทหาร... นายพลล้นกองทัพ?

ส่องโผทหาร...  นายพลล้นกองทัพ?

บัญชีแต่งตั้งนายทหารระดับนายพลที่เพิ่งประกาศออกมาเมื่อวันเสาร์ สะท้อนความจริงในกองทัพหลายมิติ

โดยเฉพาะความจริงที่ทุกคนควรตระหนักก็คือ กองทัพบ้านเรามี “นายพล” มากจริงๆ และน่าจะมากที่สุดในโลกด้วยซ้ำ

ดูจำนวนตำแหน่งที่ประกาศในบัญชีรายชื่อปีล่าสุด (ปี 61) สูงถึง 935 ตำแหน่ง บางคนมองแง่ดีว่าที่ตัวเลขเยอะแบบนี้ เพราะมีคนเกษียณจำนวนมาก จึงต้องตั้ง “นายพลใหม่” เข้าไปทดแทน วันนี้ผมมีตัวเลขมาให้ดูเปรียบเทียบกันเล่นๆ ว่าคำอธิบายนี้ฟังขึ้นหรือไม่

จริงอยู่ที่บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายปีนี้ รายชื่อนายพลไม่ได้สูงที่สุดหากเทียบกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะปี 60 อยู่ที่ 990 ตำแหน่ง ปี 59 อยู่ที่ 798 ตำแหน่ง ปี 58 อยู่ที่ 831 ตำแหน่ง และปี 57 (ปีที่ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณ และผู้นำเหล่าทัพหลายคนโยกมารับตำแหน่งรัฐมนตรีหลังรัฐประหาร) เคยพุ่งสูงถึง 1,092 ตำแหน่งมาแล้ว

แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ หากย้อนกลับไปก่อนปี 55 คือตั้งแต่ปี 51 ถึงปี 54 บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพล จะมีรายชื่อปีละ 500 กว่าตำแหน่งเท่านั้น กระทั่งปี 55 เป็นต้นมา บัญชีรายชื่อพุ่งขึ้นไป 800 กว่าตำแหน่ง หรือจ่อๆ 800 บางปีทะลุถึง 1 พันตำแหน่ง และ 2 ปีล่าสุดอยู่ที่ 900 กว่าตำแหน่ง

คำถามที่ยังไม่มีคำตอบก็คือ ทำไมในช่วงทศวรรษเดียวกัน (ปี 51-60) รายชื่อนายทหารชั้นนายพลในแต่ละปีถึงมีจำนวนห่างกันขนาดนี้ และถ้าไม่มีการขยายอัตราเพิ่มขึ้นมากกว่าจำนวนนายพลที่เกษียณอายุ บัญชีรายชื่อน่าจะเล็กลง ไม่ใช่ขยายใหญ่ขึ้น และจำนวนนายพลใหม่ก็ไม่ควรเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

นับเฉพาะบัญชีรายชื่อปี 61 มีนายพลใหม่ (พันเอกขึ้นพลตรี) จำนวน 358 นาย คิดเป็นร้อยละ 38 ของรายชื่อทั้งหมด โดยที่เหลืออีก 577 นายเป็นการสลับตำแหน่ง

ที่น่าตกใจก็คือ รายชื่อในบัญชีทั้งหมด 935 ตำแหน่ง เป็นตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิมากถึง 357 นาย นอกจากนั้นยังมีผู้ชำนาญการ และที่ปรึกษาอีกจำนวนหนึ่ง รวมๆ แล้วประมาณ 400 นาย หรือร้อยละ 42 ของรายชื่อทั้งหมดในบัญชี

“ผู้ทรงคุณวุฒิ” คือนายพลที่ไม่มีตำแหน่งหลักให้ลง จะมีงานก็ต่อเมื่อได้รับมอบหมาย (แต่ส่วนใหญ่มักไม่มีงาน) แบ่งเป็น ผู้ทรงคุณวุฒิเฉยๆ ยศพลตรี และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ มียศพลโทกับพลเอก พูดง่ายๆ คือในสาย “ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่ไม่มีงานเป็นหลักแหล่งแน่นอน ยังมีการเลื่อนไหลเพิ่มยศเลื่อนขั้นได้อีกด้วย

นี่คือความพิเศษหนึ่งเดียวของกองทัพไทยที่ต้องบอกว่า “ไทยแลนด์โอนลี่” จริงๆ