ลงทุุนลงแรงเรียนหลายปี เพื่อเป็นหาบเร่อิสระ?

ลงทุุนลงแรงเรียนหลายปี เพื่อเป็นหาบเร่อิสระ?

แต่ก่อนแค่ตอบว่าได้ปริญญามาจากที่ไหน ก็พอจะหางานทำได้บ้าง แต่ในยามที่การลงทุนจากทั้งในบ้านและนอกบ้าน มีไม่มากเหมือนแต่ก่อน

คำตอบว่าได้ปริญญามาจากไหน ไม่มีฤทธ์เดชเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว หลายคนพอหาการงานเป็นลูกจ้าง เป็นพนักงานไม่ได้ ก็หันไปหวังจะทำราชการ ซึ่งก็แก่งแย่งกันมากกว่าแต่ก่อนมากมายนัก ในยามยากเช่นนี้ เล่าเรียนจบมาแล้ว ไม่มีอะไรจะทำ หลายคนก็หันไปประกอบกิจการของตนเอง และที่ง่ายที่สุดคงไม่พ้นการค้าขายผ่านเครือข่ายสังคม เพราะผู้คนใช้กันมากมาย ในยามที่ช่องทางอื่นๆ ในการรับรู้เรื่องราวต่างๆ ดูเหมือนจะมีความจำกัด จากอิทธิพลนานาประการ คนใช้รับรู้เรื่องราวต่างๆ กันมาก เลยใช้เป็นช่องทางทำมาหากินกันไปเลย 

มีงานวิจัยเพื่อรับปริญญาเอกงานหนึ่ง ในมหาวิทยาลัยในบ้านเรา บอกไว้ว่า การค้าขายผ่านเครือข่ายสังคมในบ้านเรา มีวิธีการที่แยบยล และมีพลวัตสูง แทบไม่แตกต่างไปจากการค้าขายแบบหาบเร่ แผงลอย ที่คืนชีพขึ้นมามากมายในแทบทุกหนทุกแห่ง หนุ่มสาวในมหาวิทยาลัย แทบทุกคนจึงรู้จักซื้อของ ขายของผ่านเครือข่ายสังคม ซึ่งค้าขายเป็น เพราะดูตัวอย่างที่ค้าขายกันเองผ่านเครือข่ายสังคม ที่ได้มาจากประสบการณ์การใช้เครือข่ายสังคมมานานเท่านั้น การค้าขายจึงไม่แตกต่างไปจากที่พ่อค้าแม่ค้าขายกันตามหาบเร่ แผงลอย การค้าขายกันเองผ่านเครือข่ายสังคมในบ้านเรา จึงแตกต่างจากการค้าขายผ่านร้านค้าของเครือข่ายสังคมดังๆ ในโลกนี้ และเชื่อว่ามียอดขายกันเอง มากกว่าที่ค้าขายผ่านร้านค้าของเครือข่ายสังคม

มหาวิทยาลัยในบ้านเราต้องมีการประกันคุณภาพ หมายถึงประกันว่าการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น ต้องได้ผลตามที่สัญญาเอาไว้ คือต้องสัญญากับคนเรียนว่า เล่าเรียนจบแล้วจะไปทำมาหากินอะไรได้บ้าง ซึ่งมีการยอมให้สัญญาว่าจบแล้วไปเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระได้ หมายความว่าเรียนจบวิศวะแล้ว ถ้าไม่อยากไปเป็นวิศวกรในหน่วยงานต่าง ๆ ก็ให้ไปตั้งกิจการของตนเอง ไปรับงานวิศวกรรม โดยไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร แต่ถ้าที่ไหนสัญญากับคนเรียนไว้ในทำนองนี้ ต้องตามดูว่าเล่าเรียนกัน 4 ปีนั้น มีการให้ความรู้ในการเป็นผู้ประกอบการมากน้อยแค่ไหน เป็นฟรีแลนซ์ไม่ได้ความว่า ทำอะไรได้ แล้วจะเป็นได้ ต้องรู้จักอีกหลายเรื่องในด้านการประกอบการ มีกฎหมาย และระเบียบแบบแผนทางธุรกิจมากมายที่ต้องรู้ แต่บ่อยครั้งที่พบว่าสัญญาไว้ทำนองนี้ แต่ไม่มีการให้ความรู้ทั้งในชั้นเรียน นอกชั้นเรียนในเรื่องเหล่านี้เลย

หนุ่มสาวบางคนเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก่อนจบ กับหลังจบ ขีดความสามารถแทบไม่ต่างกัน จบแล้วถ้ามีงานทำอยู่แล้วก็ทำงานเดิม ตำแหน่งเดิมกันต่อไป ถ้าไม่เคยมีงานทำ ก็ค้าขายกันบนเน็ต แต่ผู้บริหารเรียกให้ดูดีว่า ประกอบอาชีพอิสระผู้บริหารบางคนกลับใช้โอกาสนี้ไปสัญญาว่าจบจากของฉัน เธอจะได้เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระได้ ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า มหาวิทยาลัยของฉันดียิ่งนัก สามารถสร้างผู้ประกอบการได้มากมาย จบมา 100 คน ไปเป็นผู้ประกอบการ 70 - 80 ซึ่งแปลตรง ๆว่าเรียนกับฉันแล้ว หางานทำไม่ได้ 70-80 คนนั่นเอง คนหนุ่มสาวหลายคนที่ใฝ่ฝันจะมีกิจการของคนเอง เลยหลงเข้าไปเรียน แต่เรียนแล้ว ก็ยังไม่รู้วิธีสร้างกิจการ ไม่รู้วิธีเข้าถึงลูกค้า ไม่รู้วิธีเข้าถึงแหล่งทุน มีแต่สารพัดวิชาที่นำหน้า หรือต่อท้ายด้วย 2 คำ คือนวัตกรรม และการเป็นผู้ประกอบการ แล้วก็การส่งประกวดสารพัดอย่าง คนเรียนเป็นร้อย ได้มารางวัล 2-3 รางวัลก็โวว่าเป็นความสำเร็จในการสร้างผู้ประกอบอาชีพอิสระ คนสอนก็หนักเข้าไปอีกคือ จบมาจากเล่าเรียน ไม่เคยไปเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระใดๆ จบบัญชีไม่เคยไปรับจ้างตรวจบัญชีให้ใคร จบวิศวะไม่เคยไม่ออกแบบ หรือคุมงานอะไร แต่กลับมาสั่งสอนว่า จะเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ต้องทำอย่างไร ที่รู้กับที่บอกนั้นห่างไกลกันเกินกว่า แม่ปูสอนลูกปู ความรู้ที่ได้สับสนยิ่งกว่าแม่ปูคุยกับแม่ทัพเสียอีก คนไม่เคยทำ มาบอกว่าต้องทำอย่างไร ถ้าทำได้จริงคงมีความมหัศจรรย์บางประการเกิดขึ้นแน่ๆ

หนุ่มสาวคนใด อยากเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ แล้วตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียน ให้ระวังไว้ด้วยว่าจบแล้วจะเป็นได้แค่หาบเร่อิสระบนเน็ตเท่านั้น