เวเนซุเอลา จะแก้ปัญหาด้วยการขึ้นราคาน้ำมัน

เวเนซุเอลา จะแก้ปัญหาด้วยการขึ้นราคาน้ำมัน

อาจเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า เวเนซุเอลามีน้ำมันปิโตรเลียมที่ค้นพบแล้วและยังมิได้สูบขึ้นมาใช้มากที่สุดในโลก

การมีน้ำมันปริมาณมหาศาลทำให้รัฐบาลช่วยประชาชนให้ได้ใช้น้ำมันราคาถูกที่สุดในโลก แต่การมีน้ำมันและขายในราคาเช่นนั้นมิได้ส่งผลให้เวเนซุเอลาพัฒนาได้รวดเร็ว ตรงข้าม ปัจจัยต่างๆ ทำให้มองได้ว่าเวเนซุเอลา ยิ่งพัฒนายิ่งจน เพราะเศรษฐกิจตกอยู่ในสภาพล้มลุกคลุกคลานมาหลายทศวรรษและล่าสุดได้ถดถอยติดต่อกันหลายปีจนในขณะนี้ชาวเวเนซุเอลาส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะยากจน ประเทศกำลังประสบปัญหาสาหัสจนใกล้เป็นรัฐล้มเหลว

คอลัมน์นี้พูดถึงเวเนซุเอลาหลายครั้งและมักอ้างว่าต้นตอของปัญหาคือการมีน้ำมันปริมาณมหาศาลและการใช้จ่ายรายได้จากการขายน้ำมันนั้นไม่เหมาะสม นโยบายประชานิยมแบบเลวร้ายผลาญงบประมาณ การลงทุนในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ตนไม่มีความเข้าใจทำให้ขาดทุนย่อยยับ ซ้ำร้ายนโยบายและการลงทุนในโครงการหลากหลายแฝงไว้ซึ่งความฉ้อฉลสูงมาก

นโยบายประชานิยมมีส่วนประกอบมากมาย บางอย่างเห็นได้ง่าย บางอย่างมองไม่ค่อยเห็น หลายอย่างแฝงมาในนามของสวัสดิการสังคม แต่เป็นแบบมักง่าย เช่น การสนับสนุนราคาอาหารและราคาน้ำมันสำหรับประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนจนหรือมหาเศรษฐี การเข้าถึงสวัสดิการสังคมและงานในโรงงานอุตสาหกรรมได้ง่ายของผู้อาศัยอยู่ในเมืองจูงใจให้ประชาชนในชนบทอพยพเข้าเมือง กระบวนการนี้มีผลทำให้เกษตรกรรมถูกทอดทิ้งและเวเนซุเอลาต้องนำเข้าอาหารมากขึ้นเรื่อย ๆ ยามใดขายน้ำมันได้ในราคาสูง ยามนั้นการนำเข้าอาหารไม่มีปัญหา แต่เมื่อราคาน้ำมันตกต่ำทำให้ซื้ออาหารได้ไม่พอ ประชาชนมักแย่งชิงกันถึงขั้นก่อจลาจล

สำหรับเรื่องราคาน้ำมันซึ่งคอลัมน์นี้เคยพูดถึงแล้วว่าคำนวณค่อนข้างยากเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาลกับอัตราในตลาดเสรีต่างกันมากโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะวิกฤติเช่นในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะใช้อัตราแลกเปลี่ยนไหน ชาวเวเนซุเอลาสามารถเข้าถึงน้ำมันได้ในราคาต่ำที่สุดในโลก รัฐบาลต้องใช้งบประมาณปีละนับหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนราคาให้อยู่ในระดับต่ำ รัฐบาลไม่สามารถปรับราคาได้มาเป็นเวลานาน เมื่อปี 2532 รัฐบาลจะปรับราคา ปรากฎว่าประชาชนต่อต้านจนถึงขั้นเกิดจลาจล เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัฐบาลประกาศว่าจะขึ้นราคาน้ำมันในเร็ววัน

รัฐบาลอ้างว่าชาวเวเนซุเอลาลักลอบนำน้ำมันที่ตนซื้อได้ในราคาแสนถูกออกไปขายในประเทศเพื่อนบ้านส่งผลให้รัฐบาลเสียรายได้ปีละประมาณ 1.8 หมึ่นล้านดอลลาร์ ชาวเวเนซุเอลาพยายามลักลอบนำน้ำมันออกนอกประเทศเพื่อแสวงหากำไรที่สูงมากเนื่องจากเงินของเวเนซุเอลาแทบไม่มีค่าเหลืออยู่แล้ว ทั้งนี้เพราะอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งมานาน ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะอยู่ที่ราว 1 ล้านเปอร์เซนต์ นั่นหมายความว่า สินค้าราคาหนึ่งบาทเมื่อตอนต้นปีจะมีราคาราวหนึ่งล้านบาทในตอนสิ้นปี เมื่อเร็ว ๆ นี้สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าตามอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดเสรี น้ำมันในเวเนซุเอลาราคาไม่ถึงลิตรละครึ่งสตางค์ ส่วนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น โคลอมเบียราคาลิตรละกว่า 25 บาท

สื่อรายงานว่า คราวนี้รัฐบาลจะใช้วิธีแยกประชาชนออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน นั่นคือ กลุ่มที่ยอมไปลงทะเบียนทำบัตรประชาชนใหม่และกลุ่มที่ไม่ยอม กลุ่มที่ทำบัตรใหม่ซึ่งเริ่มทำเมื่อปีที่แล้วจะซื้อน้ำมันได้ในราคาเดิมเป็นเวลา 2 ปีพร้อมกับได้รับสวัสดิการด้านอื่นจากรัฐบาล ส่วนผู้ไม่ยอมทำจะต้องซื้อในราคาตลาดโลก ในการทำบัตรประชาชนใหม่นี้ประชาชนต้องให้ข้อมูลสารพัดแก่รัฐบาลส่งผลให้ฝ่ายค้านกล่าวหาว่ารัฐบาลจะใช้ข้อมูลนั้นติดตามความเคลื่อนไหวและกลั่นแกล้งฝ่ายตรง ด้วยเหตุนี้ หลังเวลาผ่านไปกว่า 1 ปี จึงมีประชาชนราวครึ่งเดียวไปลงทะเบียนทำบัตรใหม่

แรงจูงใจของรัฐบาลจะวางอยู่บนฐานของการเมืองหรือไม่คงไม่สำคัญ แต่มาตรการของรัฐบาลยากจะสำเร็จเพราะผู้มีบัตรใหม่ยังลักลอบนำน้ำมันออกได้และผู้ไม่มีบัตรอาจออกมาต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมันนับพันเท่าอย่างเข้มข้นจนเกิดจลาจลอีก บทเรียนจากเวเนซุเอลายืนยันว่าประชานิยมเป็นยาเสพติด หากนำมาใช้ หายนะจะมาเยือน