สบายดีจำปาสัก สบายดีธนาธร (จบ)

สบายดีจำปาสัก สบายดีธนาธร (จบ)

ตอนเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนโรจน์ปัญญา เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เด็กชายบัณฑูร จิระวัฒนากูล ในขณะนั้น (ปัจจุบันเป็นผู้ก่อตั้งสวนส้มธนาธร) 

เป็นเด็กที่มีผลการเรียนที่ดี แต่ฐานะครอบครัวยากจนมาก พอเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 2 ขึ้นประถมศึกษาปีที่ 3 ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม 80 บาท จึงต้องลาออกจากโรงเรียนตามครอบครัวขึ้นไปอยู่ที่เชียงใหมช่วยพ่อทำสวนผัก มีเวลาว่างก็ออกไปทำงานรับจ้างทั่วไป ชีวิตต้องต่อสู้ดิ้นรนตั้งแต่วัยเด็ก โรงเรียนของเด็กชายบัณฑูรฯคือโลกใบใหญ่ มีเพื่อนและครูมากมายทั่งเพื่อนร่วมงาน นายจ้าง

และคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจ บทเรียนที่ศึกษาจากชีวิตจริงที่ผ่านมา บางครั้งก็สอบตก บางครั้งก็สอบผ่านจนก้าวสู่วัยหนุ่ม ปริญญาที่ภาคภูมิใจคือการเป็นเจ้าของสวนส้มที่ใหญ่ที่สุดใประเทศไทย ที่ชาวต่างชาติทั้งอิสราเอล ญี่ปุ่น และจีน สนใจมาศึกษาดูงาน และได้รับปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ถึง 3 ใบ และยังเป็นคนไทยคนเดียวที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกสภาส้มนานาชาติ (International Citrus Congress:ICC)

คุณบัณฑูร บอกกับผมว่า คนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำเนินกิจการ ทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดที่คน ไม่ว่าโลกจะก้าวหน้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยก้าวสู่ยุค 4 G หรือ 5 G ถ้าผู้นำไม่สามารถชนะใจคนได้ก็อย่าหวังว่าจะประสบความสำเร็จ หลักการบริหารคนของคุณบัณฑูร คือ หลักการซื้อใจ ด้วยการดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานอย่างดีที่สุด พนักงานระดับผู้จัดการสวน จะมีรถประจำตำแหน่ง เมื่อทำงานครบ 6 ปี ด้วยความซื่อสัตย์ จะยกรถให้เป็นกรรมสิทธ์ หลักการต่อมาคือหลักการเป็นเจ้าของร่วม หากสวนส้มไหนที่ถึงจุดคุ้มทุน และมีกำไรติดต่อกัน 3 ปี จะแบ่งเปอร์เซ็นต์กำไรให้พนักงานเพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อให้พนักงานขยันและตั้งใจทำงาน ดูแลสวนเหมือนเป็นเจ้าของสวนส้มเอง

หลักการสุดท้าย คือหลักการบุญคุณต้องทดแทน พนักงานที่ทำงานนานครบ 10 ปี ขึ้นไป ซึ่งเป็นพนักงานที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างสวนส้มธนาธรให้เติบโตมั่นคงจนถึงปัจจุบัน จะยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นที่พักอาศัย ในหมู่บ้านพนักงานที่เป็นหมู่บ้านเดียวกัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้พร้อม และยังมีโครงการให้ทุนการศึกษาบุตรพนักงานด้วย

ปัจจุบันบริษัท เชียงใหม่ธนาธร จำกัด และบริษัทในเครือฯมีพนักงานในประเทศไทย เป็นพนักงานประจำ 378 คน พนักงานรายวัน 1,550 คน พนักงานใน สปป.ลาว มีพนักงานประจำ 43 คน พนักงานรายวัน 268 คน คุณบัณฑูรฯจะติดต่อสื่อสารกับพนักงานผ่าน Line ทุกสวนส้มจะรายงานผลการดำเนินการปัญหาอุปสรรคเป็นข้อความและรูปถ่ายได้ทันที

แนวคิดในการขยายการลงทุนสวนส้มใน สปป.ลาว คุณบัณฑูร ได้รับการชักชวนจาก พล.อ.คำไต สีทันดร อดีตประธานประเทศลาว ตั้งแต่ปี 2544 ตอนนั้นคุณบัณฑูร อายุ 70 ปี แล้ว

แต่ด้วยวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เมื่อได้เดินทางไปเทือกเขาปากซอง แขวงจำปาสัก ที่ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลราว 800-1,350 เมตร เป็นพื้นที่ซึ่งมีอากาศเย็นทั้งปี เหมาะสม

กับการปลูกส้ม เพื่อรองรับความต้องการส้มในตลาดในประเทศไทยที่สูงขึ้นเป็นทวีคูณ เบื้องต้นได้ลงทุนใน 2 พื้นที่ บริเวณบ้านน้ำตวด ริมถนนปากซอง-อัตตะปือ และบริเวณสวนไผ่ บ้านน้ำปด เขตเมืองปากซอง โดยปลูกส้ม 3 สายพันธ์ ได้แก่ สายน้ำผึ้ง ฟรีมองค์ และมีร่า ซึ่งเป็นพันธ์สายน้ำผึ้งไร้เมล็ด นอกจากนี้ยังปลูกองุ่น และมะละกอพันธ์ฮอลแลนด์ เพื่อสร้างรายได้ก่อนที่ส้มจะให้ผลผลิตออกสู่ตลาดในปี 2558 ปัจจุบันสวนส้มธนาธรที่ปากซองเกือบ 2,000 ไร่ให้ผลผลิตปีละไม่น้อยกว่า 500,000 กิโลกรัม และจะเพิ่มเป็น 1.0 ล้าน กิโลกรัม มีรายได้ไม่น้อยกว่าปีละ 500 ล้านบาท เนื่องจากสภาพอากาศและความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำให้มีผลผลิตส้มออกสู่ตลาดทั้งปี

ความสำเร็จของคุณบัณฑูรในวัย 77 ปี ที่มุ่งมั่น ทุ่มเท อย่างจริงจังจนสามารถเนรมิตป่าที่รกร้างให้เป็นสวนส้มที่ทันสมัย พิสูจน์ให้เห็นว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ เป็นแบบอย่างที่ท่านผู้ประกอบการใช้เป็นบทเรียนในการดำเนินธุรกิจได้

สิ่งที่คุณบัณฑูรปลาบปลื้มภาคภูมิใจที่สุด คือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเสด็จมาเยี่ยมชมสวนส้มธนาธร ที่หมู่บ้านน้ำปด เมืองปากซอง เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2558 และได้ใช้เป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในการขยายสวนส้มออกไปยังประเทศพม่า ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ บนพื้นที่เกือบ 3,000 ไร่

คุณบัณฑูร คือต้นแบบของเกษตรก้าวหน้า ที่นักศึกษาทางด้านการเกษตรทุกสถาบัน ควรศึกษาเป็นบทเรียน และเป็นแนวทางในการดำเนินกิจการให้กับเกษตรกรไทยเพื่อก้าวข้ามความยากจนได้ครับ...