ศัตรูที่ร้ายที่สุด ในการร่วมงานกับคนอื่น

ศัตรูที่ร้ายที่สุด ในการร่วมงานกับคนอื่น

ทราบหรือไม่ว่า ใครเป็นตัวร้ายในการทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เสียหายได้มากมาย คำตอบไม่ใช่ตัวแสบในที่ทำงาน หรือเจ้านายเจ้าระเบียบ

ใครสร้างความเสียหายกับความรู้สึกของคนร่วมงานได้มากที่สุด คำตอบชัดๆ คือตัวเราเอง ทำไมตัวเราจึงสามารถทำร้ายตัวเราเอง ด้วยการทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคพวกเพื่อนฝูงที่ร่วมงานกัน ทั้งๆ ที่คนรอบตัวที่ร่วมงานกัน ล้วนแต่ดีกับเราด้วยกันทั้งนั้น คำตอบมาจาก 4 เรื่องสำคัญ ที่คนส่วนใหญ่มักสำคัญผิด ใน 4 เรื่องนี้

เรื่องแรก คือ เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเราเอง เรานึกว่าเราเป็นคนสบายๆ แต่จริงๆ แล้วเราเป็นคนเจ้าระเบียบ ทำให้เราออกอาการหงุดหงิด เมื่อต้องร่วมงานกับคนสบายๆ ตัวจริง เรานึกว่าเราเป็นคนคุยสนุก แต่ที่จริงเป็นคนพูดจริงจัง เราจะออกท่าทางที่คนอื่นเห็นแล้วหงุดหงิด เมื่อเราคุยในเรื่องที่เราคิดว่าสนุก แต่ไม่ยักมีใครหัวเราะ ยิ่งตลกฝืด ยิ่งมีโอกาสพลั่งปาก หลุดคำพูดแรง ๆ ใส่คนอื่นได้ง่าย ๆ ดังนั้นก่อนจะร่วมมือทำงานกับใคร อย่าลืมทบทวนให้มั่นใจว่า รู้จักตัวตนจริงๆ ของเรา หากระจกมาสะท้อนตัวตนจริงๆ ของเรา ด้วยการตรึกตรองว่า ถ้าเราเป็นอย่างที่เราคิด คนอื่นควรจะตอบสนองการกระทำของเราอย่างไร ถ้าสังเกตดูแล้วว่าคนรอบๆ ตัว ตอบสนองเราไปในคนละทางกับที่เราคิด แปลว่าที่คิด ไม่เป็นอย่างที่คิด

เรื่องที่ 2 คือเราไม่รู้ว่ามีผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ จากการกระทำที่เราคิดว่า ไม่เดือดร้องใคร แท้จริงคือคนอื่นเดือดร้อนทั่วหน้า การที่เราไม่เห็นผลกระทบจากการประพฤติปฏิบัติของเรา มาจากการที่เราไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนรอบตัว เราคิดว่าเขาเป็นคนสบาย ๆ แต่จริง ๆแล้วเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ อะไรก็ตามที่เราทำไป โดยคิดว่าคนสบาย ๆคงไม่เดือดร้อนอะไร เราได้สร้างความไม่สบายกายใจให้เกิดกับคนรอบตัว ทำไปโดยไม่รู้ตัวว่าทำ ดังนั้น จะร่วมงานกับใคร ลองสังเกตพฤติกรรมของเขาให้ชัด ๆ เพิ่มขึ้นอีกสักนิดว่าในทุกการกระทำของเรา เขาออกอาการอย่างไรบ้าง ก่อนจะตัดสินใจว่าคนรอบตัว เป็นคนอย่างไร อย่าอนุมานไปเองว่าคนกลุ่มนั้น ต้องชอบอะไร ไม่ชอบอะไร โดยเฉพาะการสรุปเองว่าคนมาจากที่ภูมิภาคนั้น ต้องชอบอะไร ไม่ชอบอะไร คนเกิดบ้านเดียวกัน ยังรักชอบต่างกัน ดังนั้นจึงไม่สมควรที่เราจะเร่งสรุปว่ารอบ ๆตัวเป็นคนอย่างไร โดยไม่มีการเฝ้าสังเกตที่ให้รายละเอียดที่เพียงพอ ต่อการวินิจฉัยว่ารอบตัวเราเป็นคนอย่างไร

เรื่องที่ 3 รู้จักตัวเรา รู้จักตัวเขา ในทีมร่วมงานแล้ว ก็ยังมีโอกาสที่เราจะกลายเป็นศัตรูตัวร้ายสำหรับเพื่อนร่วมงาน เพราะตรรกในการคิด การตัดสินใจ ของเราแตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ที่เราร่วมทำงานด้วย ต้นเหตุของความแตกต่างมาจากความแตกต่างในบริบทของคนแต่ละคน ทำงานกับต่างกลุ่มอายุ โอกาสที่ตรรกในการคิดของเราจะแตกต่างไปจากเพื่อนร่วมงานต่างวัย ต่างอายุมีมากทีเดียว เราวินิจฉัยว่า ต้องทำอย่างนี้ ต้องต่อด้วยว่า ถ้าคิดด้วยตรรกของเรา ถ้าเป็นตรรกแบบเขา เขาอาจจะวินิจฉัยไปทางอื่นแทนก็ได้ ดังนั้น ถ้าอยากทำงานร่วมกัน อย่างไม่ทุกข์ อย่าตัดสินพฤติกรรมของคนอื่น โดยใช้เฉพาะตรรกของเรา ต้องลองนึกก่อนว่า ที่เขากระทำให้เราเห็นในเรื่องต่าง ๆนั้น ตรรกที่เขาใช้น่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องการตัดสินคนอื่น โดยอาศัยตรรกของตนเป็นหลักคิดในการวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆนั้น 5 ปี 10 ปีที่ผ่านมามีให้พบเห็นตามถนนหนทางหลายครั้งหายครา มีให้เห็นผ่านสื่อเยอะแยะ การวินิจฉัยคนอื่น โดยอาศัยเฉพาะตรรกของตนเอง ในวันนี้ยังเห็นได้จากการพูดจา สั่งการของคนที่ชอบเรียกตัวเองว่า ผู้นำ ในหลายวงการ

เรื่องสุดท้าย ที่แรงไม่น้อยว่าการใช้ตรรกของเรา ในการวินิจฉัยความนึกคิด ความชอบไม่ชอบของคนร่วมงานรอบตัว คือการที่มีความเชื่อมั่นในผลการกระทำที่ผ่านมา เชื่อมั่นความประพฤติของเราที่ผ่านมาว่าเป็น Good Practice จนนาน ๆวันก็จำเพี้ยนไปเป็น Best Practice แล้วทำซำ้ซากเช่นนั้นไปตลอด พอเชื่อว่าฉันทำตามที่เคยทำแล้วได้ผลดี ไม่ว่าจะทำกับใคร ฉันก็ยึด Good Practice ของฉันท่าเดียว ทำเช่นนี้คือปลุกตัวร้ายในตัวเรา มาทำลายบรรยากาศการทำงานร่วมกันกับคนอื่นไปโดยไม่รู้ตัว