ส่องการเมือง “ฝั่งซ้าย”
พลันที่มีข่าว “เขื่อนแตก” อยู่ทางแขวงอัตตะปือ เอ็นจีโอบางกลุ่มก็ส่งเสียงวิพากษ์ “ทุนไทย” ที่ไปร่วมลงทุนก่อสร้างเขื่อนในลาว
ขณะที่คนลาวเองกลับระเบิด “สงครามโซเชียล” ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งประเทศ
คนไทยส่วนหนึ่ง ไม่รู้ลึกรู้จริง ก็แชร์เพจข่าวปลอม ข่าวลือจากฝั่งลาว โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ รวมทั้งแชร์เพจ “เน็ตไอดอลลาว” ที่ออกมาโหวกเหวกโวยวาย เพราะอยากได้ยอดไลค์ ยอดแชร์
จริงๆ แล้ว ไทย-ลาว อยู่คนละฝั่งน้ำโขงกั้น แต่การรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมลาว เหมือนอยู่ไกลคนละฟากฟ้า
"ทองลุน สีสุลิด” นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว มิเพียงต้องวุ่นกับการแก้ไขภัยพิบัติน้ำท่วมเมืองสะหนามไช แขวงอัตตะปือ ด้านหนึ่งต้องมาบริหารจัดการกระแส “อารมณ์ความรู้สึก” ของคนลาวทั้งประเทศ
เนื่องจาก “กองจรยุทธ์โซเชียล” ของกลุ่มลาวฝ่ายต่อต้าน ต่างระดมทำเพจข่าวโจมตีรัฐบาลลาวว่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขื่อนแตก แถมปล่อยข่าว “คำมะนี อินทิลาด” รมต.พลังงานและบ่อแร่ ลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
รวมถึงประเด็นอ่อนไหว ว่ารัฐบาลลาวกีดกัน “กู้ภัย” และ “นักข่าว” จากเมืองไทย ซึ่งเรื่องนี้ ได้มีคนไทยบางกลุ่มเข้าไปผสมโรงด้วย ร้อนถึงฝ่ายลาวรีบออกมาชี้แจง
กลุ่มลาวต่อต้านนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ “กลุ่มลาวฝ่ายขวา” ที่อยู่ในสหรัฐฯ กับ “กลุ่มแรงงานลาวในไทย” โดยกลุ่มนี้ เพิ่งรวมตัวกันไม่นาน และเน้นการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ลาวเป็นประชาธิปไตย
สองปีก่อน รัฐบาลลาวได้จับกุมชาวลาว 3 คน ที่เป็นสมาชิกกลุ่มแรงงานลาวในไทย ซึ่งตำรวจลาวตั้งข้อหาใช้สื่อโซเชียลทำลายประเทศ ทุกวันนี้ หน่วยข่าวของลาว ยังจัดตั้งทีมล่า “กลุ่มคนบ่ดี” ในเฟซบุ๊ค
เพื่อตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม รัฐบาลลาวและพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้ระดมทีมนักข่าววิทยุ-ทีวีของรัฐ ลงพื้นที่เมืองสะหนามไช เปิดยุทธการข่าวสาร ใช้สื่อโซเชียลเช่นเดียวกัน เราจึงเห็นนักข่าวลาวเฟซบุ๊คไลฟ์ตลอดเวลา
ตามมาด้วย กระทรวงไปรษณีย์ โทรคมนาคมและการสื่อสาร ต้องออกคำเตือนให้ยุติการแชร์ข่าวลือ ข่าวปลอม หากใครฝ่าฝืน จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายสื่อลาว
มวลน้ำถล่มหมู่บ้านในเมืองสะหนามไช ว่าอลหม่านวุ่นวายแล้ว กระแสข่าวในโซเชียลก็รุนแรงราวกับเขื่อนแตก