แพ้ทาง“เพื่อไทย”?

แพ้ทาง“เพื่อไทย”?

ปรากฎการณ์ “สาวไส้” ของนักการเมือง ที่เตรียมจะย้ายสังกัด ทำให้เรื่องภายในของ 2 พรรคใหญ่ ที่เคยเป็นคู่แข่งมายาวนาน 17 ปี

กลายเป็นละครการเมืองอีกฉาก ถึงขั้นประชาธิปัตย์เตรียมแจ้งความเอาผิดอดีตลูกพรรคที่อ้างกระบวนการ "สมคบคิด" ล้มพรรคเพื่อไทย  

เรื่องนั้นก็ว่ากันไป แต่เรื่องราวของฝั่งประชาธิปัตย์ที่เอาชนะ พรรคทักษิณและตระกูลชินวัตร ไม่ได้เสียที เคยถูกถอดบทเรียนจาก “นักยุทธศาสตร์ ของค่ายสะตอ มาอย่างเป็นเหตุเป็นผล หลังจากพ่ายคาสนามเลือกตั้งครั้งหลังสุด ที่เพื่อไทยส่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขึ้นมาเป็นทายาท

 บันทึกการเมืองที่ "ทักษิณ" ผู้พี่ เป็นนายกฯในการเลือกตั้งปี 2544 ผ่านมา 10 ปี “ยิ่งลักษณ์” ผู้น้อง เป็นนายกฯในปี 2554 มีหลายปัจจัยที่ประชาธิปัตย์เอาชนะ “พี่-น้องชินวัตร” ไม่ได้ ซึ่งมือยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์ผู้นี้ ยอมรับว่า รู้ว่าแพ้ ตั้งแต่เปิดตัวยิ่งลักษณ์แล้ว 

ตัว “ยิ่งลักษณ์” เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดของเพื่อไทย คนทุกคนมอง “ยิ่งลักษณ์” เป็น“ทักษิณ”หมดจึงใช้คำว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”

 เขาวิเคราะห์สาเหตุไว้ว่า นโยบายของเพื่อไทย เป็นนโยบายที่ตอบสนองทุกกลุ่มในสังคม ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ ไปว่ากันทีหลัง และเที่ยวนั้นประชาธิปัตย์ไม่ทำ เพราะกังวลว่าเผื่อเราได้เข้ามา "ทำจริง..แล้วเราทำไม่ได้ ความเสียหายเกิดระยะยาวนี่เป็นความต่าง ที่ทำให้เราแพ้ชัดเจน 

เรียกง่ายๆ ว่ายุทธศาสตร์เพื่อไทยคือ เอาชนะไว้ก่อน สิ่งสำคัญคือ คนส่วนใหญ่เชื่อสิ่งที่"ทักษิณ"พูด

  เรื่องถัดมา การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นความโชคร้ายของประชาธิปัตย์ที่แก้ปัญหาเรื่องของแพงไม่ได้ชัด เช่นชั่งกิโลฯไข่ ปัญหาน้ำมันปาล์ม และยังมีปัญหาทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ถูกปั่นกระแสเรื่องพวกนี้ขึ้นมาตลอด ทำให้เกิดภาพว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็น ถ้าดูในภาพรวม อะไรที่เพื่อไทยเก่งที่สุดประชาธิปัตย์แย่ที่สุด

“political operative ของเราเป็นศูนย์ งานใต้ดินเราไม่ได้ทำ แต่เพื่อไทยเดิน 2 ระบบ ทำให้เขาคล่องตัว” อีกจุดอ่อนที่มือยุทธศาสตร์ประชาธิปัตย์มอง

  ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าประชาธิปัตย์ จะถอดบทเรียนในอดีตออกมาแก้ทางอย่างไร ในเมื่อ 2 อดีตนายกฯยังเคลื่อนไหวในวงโคจรการเมือง(เพื่อ)ไทยอย่างใกล้ชิด

 

 โดย... นิภาวรรณ