จีนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งฟินเทคฮับของโลก

จีนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งฟินเทคฮับของโลก

จากการจัดอันดับ Global Fintech Hub Index (GFHI) ล่าสุดจีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในด้านความเป็นผู้นำในฟินเทคแซงหน้าสหรัฐอเมริกา

ขึ้นชื่อว่าประเทศจีนแล้วจะทำอะไรเพื่อเป็นที่หนึ่งของโลกนั้นไม่ยากเลย ล่าสุดจากการจัดอันดับ Global Fintech Hub Index (GFHI) ล่าสุดจีนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในด้านความเป็นผู้นำในฟินเทคแซงหน้าสหรัฐอเมริกาและกรุงลอนดอนของอังกฤษไปได้ ในแง่จำนวนเมืองที่สนับสนุนอุตสาหกรรมฟินเทค

โดยประเทศจีนมีเมืองใหญ่ที่สนับสนุนฟินเทคจำนวนมาก นำมาโดยกรุงปักกิ่งที่ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับของ GFHI นอกจากนี้ยังมีนครเซี่ยงไฮ้ เมืองหางโจว (ที่ตั้งของสำนักงานใหญ่อาลีบาบา จึงไม่แปลกใจที่ติดมาด้วย) และนครเซินเจิ้น ซึ่งเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนซิลิค่อนวัลเล่ย์ของจีนอยู่แล้ว ขณะที่สหรัฐอเมริกามีเมืองที่ติดอันดับต้นๆในTier1 อย่างซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ค โดยมีกรุงลอนดอนของอังกฤษติดเข้ามาในอันดับที่สี่

ทั้งนี้การจัดอันดับจะมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้เช่น การสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐ จำนวนบุคลากรด้านเทคโนโลยี จำนวนผู้ประกอบการฟินเทค รวมถึงจำนวนวีซีที่ลงทุนในฟินเทค

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศจีนได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับต้นๆ เช่นการสนับสนุนในเชิงนโยบายกำกับดูแลที่ผ่อนคลายมากขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคที่คาดหวังกับการใช้เทคโนโลยีอยู่ในระดับสูง การสนับสนุนด้านเงินทุนให้กับผู้ประกอบการรายใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคือเม็ดเงินลงทุนในบริษัทฟินเทคหน้าใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ก็มีมูลค่าแตะ 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯไปแล้ว 

อย่างไรก็ตามความท้าทายของจีนก็คือการเติบโตของฟินเทคยังคงกระจุกอยู่แต่เฉพาะในประเทศจีนหรือฮ่องกง ยังมีเพียงไม่กี่รายที่สามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้ด้วยตัวเอง นั่นเพราะจำนวนประชากรจีนที่มีอยู่กว่าพันล้านรายเพียงพอต่อการเติบโตของฟินเทคภายในประเทศแล้ว ฟินเทคจากจีนส่วนใหญ่จึงเป็นผู้เล่นรายใหญ่อย่างAlipay,Wechat 

สิ่งที่ต้องจับตาต่อไปในด้านพัฒนาการฟินเทคของจีนคือโครงการพัฒนาเศรษฐกิจ Yangtze River Delta ซึ่งตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ นอกจากเป็นเขตพัฒนาอุตสาหกรรมแล้วยังตั้งเป้าที่จะเป็นเขตพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพและฟินเทคของจีนให้มีขนาดใหญ่กว่าซิลิค่อนวัลเล่ย์ของสหรัฐอเมริกา สิ่งที่จีนเร่งดำเนินการคือการดึง Talent หรือบุคลากรที่มีความสามารถทางด้านเทคโนโลยีให้เข้ามาทำงานโดยให้แรงจูงใจในแง่ของ Visa การทำงาน ในอนาคตเราคงได้เห็นฟินเทคจากจีนรายใหม่ๆออกมาวาดลวดลายในเวทีระดับโลกมากขึ้น

ขณะที่อันดับอื่นๆใน Tier2  ประเทศสิงคโปร์ยังตามมาอยู่ในอันดับที่9 กรุงโตเกียวอันดับที่ 11 ฮ่องกงอันดับที่ 13 กรุงโซลอันดับที่ 16 นอกจากนั้นก็เป็นนครเซาเปาโลของบราซิล กรุงปารีสและกรุงอัมสเตอร์ดัม รวมถึงนครมุมไบของอินเดีย ขณะที่ประเทศไทยของเราก็มีพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆครับ หวังว่าจะมีโอกาสติดอันดับต้นๆกับเขาบ้างในอนาคต 

ล่าสุดสมาคมฟินเทคประเทศไทยได้จัดคอร์สอบรมพิเศษ 4 Pillars หรือเสาหลักสำคัญ 4 ประการสำหรับผู้ประกอบการฟินเทคที่ต้องการประสบความสำเร็จ ได้แก่ ด้านการเงิน กฎหมาย เทคโนโลยีและทักษะการนำเสนอ ใครที่สนใจดูรายละเอียดได้ที่ www.thaifintech.org