วิทยาลัยการทัพบกบราซิล

วิทยาลัยการทัพบกบราซิล

บราซิลเป็นประเทศที่ไกลจากเมืองไทยมาก แม้ว่าคนไทยจะได้สิทธิ์เดินทางท่องเที่ยวในประเทศนี้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้นานถึง 90 วัน

แต่ก็มีน้อยคนที่จะยอมเสียค่าเครื่องบินขั้นต่ำ 7 หมื่นบินอย่างน้อย 2 ต่อ ใช้เวลาร่วม 30 ชั่วโมงมายังประเทศนี้ แต่เมื่อผมได้รับโอกาสจากรัฐบาลบราซิลและรัฐบาลไทยให้ทุนมาศึกษาทางด้านยุทธศาสตร์ที่ประเทศนี้ 5 เดือน ก็น่าที่จะเขียนถึงประเทศนี้ให้รอบด้าน โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจกองทัพบราซิลเจ้าของทุนหลักเป็นเบื้องแรก

จากการจัดอันดับปี 2018 โดย Global Fire Power สำนักวิเคราะห์อำนาจกำลังรบระดับโลก ยกให้บราซิลมีอำนาจกำลังรบเป็นอันดับ 14 ของโลก จากจำนวนทั้งหมด 136 ชาติ และเป็นเอกที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ด้วยกำลังพลประจำการ 334,500 คน กำลังสำรองอีก 2 ล้าน อากาศยาน 723 เครื่อง เรือรบ 110 ลำ รถถังและยายยนต์หุ้มเกราะ 2,000 กว่าคัน ขณะที่จรวดและปืนใหญ่ขนาดต่าง ๆ ราว 800 กระบอก คอยปกป้องชายฝั่ง 4,500 กม. และชายแดนอีก 16,000 กม. แต่ศัตรูวันนี้ของกองทัพบราซิลไม่ใช่เพื่อนบ้าน เหมือนที่เคยก่อศึกใหญ่สุดแห่งศตวรรษที่ 19 ที่ทำให้ชายปารากวัยตายไปกว่าครึ่งประเทศ แต่เป็นแก็งค์อาชญากรรม ที่มีเงินทุนสูงจากการค้ายาเสพติด ตั้งเป็นกองกำลังส้องสุมโยงใยตามสลัม (favela)

กองทัพบกบราซิลเป็นกำลังหลักในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ดังเช่นตอนนี้ Rio De Janeiro กลายเป็นเมืองที่ต้องส่งกำลังทหารเข้าช่วยตำรวจควบคุมเมืองตามประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะกลุ่มนอกกฎหมายอาละวาดรุนแรง การก่อเหตุร้ายพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ริโอ เดจาไนโร เมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งของโลกนี้ยังเป็นที่ตั้งของวิทยาลัยเสนาธิการทหารบก (Brazilian Army Command and Staff College – ECEME) ที่จัดการเรียนการสอนทั้งระดับโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (ผู้เข้าเรียนยศพันตรี) และระดับวิทยาลัยการทัพ (ผู้เข้าเรียนยศพันเอก) ซึ่งต่างจากวิทยาลัยการทัพเรือ ที่อยู่ใกล้กันที่มีสอนเฉพาะระดับการทัพ นอกจากนี้ริโอยังมีโรงเรียนศูนย์การทหารช่างด้วย

การให้ทุนทหารไทยไปศึกษาในวิทยาลัยทางทหารระดับสูงของประเทศเป็นการขยายความร่วมมือในมิติใหม่ ไทยตั้งสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารที่กรุงบราซิเลียตั้งแต่ปี 2008 มีการเดินทางเยือนของผู้นำระดับสูงบ้าง แต่ยังไม่มีการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา จนปีนี้เองที่บราซิลเสนอที่นั่งเป็นการเฉพาะให้ไทย และคาดว่าจะมีอีกตามมา เนื่องจากบราซิลที่กำลังแต่งตัวจะกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มมหาอำนาจใหม่ หรือ BRICS ของโลก ย่อมต้องเห็นค่าของการเปิดกว้างด้านความมั่นคงออกจากกรอบแคบ ๆ ของทวีปอเมริกาใต้และภาษาโปรตุเกส การรับรู้เรื่องของชาติต่าง ๆ โพ้นทวีปออกไปเป็นสิ่งสำคัญ

หลักสูตรวิทยาลัยการทัพบกบราซิลนั้นยาวนานตั้งแต่ปี 1905 สอนกันเป็นภาษาโปรตุเกส รุ่นปี 2018 นี้มีระดับพันเอก 50 คน เกือบทั้งหมดเป็นเหล่าทหารบก เรียนนาน 1 ปี พวกเขารับประกันว่าจะต้องได้เป็นพลจัตวาแน่นอนหลังจากเป็นพันเอกได้ 6 ปี แต่เมื่อเป็นพลจัตวาได้ 3 ปีแล้วเขาดีไม่พอจะได้ยศเพิ่ม เขาต้องรีไทร์

หลังจากผ่านไปครึ่งปี พันเอก 4 คนที่ภาษาอังกฤษและวิชาการดีที่สุดจะถูกย้ายมาเรียนยังคอร์สที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษเรียกว่า Brazilian Army Strategic Studies International Course (BASSIC) ร่วมจากนายทหารนักเรียนอีกไม่เกิน 16 คนจากประเทศต่าง ๆ หลักสูตรนี้พึ่งเปิดเมื่อปี 2014 นับว่าใหม่มาก แต่ก็เข้มข้นทางด้วย 4 โมดูลหลัก คือ ด้านการเมือง ด้านยุทธศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ ด้านเศรษฐศาสตร์ และด้านการป้องกันประเทศ ศึกษากันด้านละ 1 เดือนเต็มด้วยการบรรยาย สัมมนา งานกลุ่ม และงานส่วนตัว ในหลักสูตรจะมีการเดินทางดูงาน 2 ทริปเข้าไปใจกลางประเทศรวมทั้งป่า Amazon และเยือนย่านที่เจริญที่สุดของประเทศแถบนคร Sao Paulo และน้ำตก Iquazu

ที่น่าสนใจคือการวัดผลด้วยการใช้เทคโนโลยีรองรับแนวคิดที่ต้องการได้ผู้นำกองทัพที่มีทัศนคติดี ไม่ใช่เรียนเก่ง เพราะทางกองทัพบราซิลพิสูจน์แล้วว่าคนเก่งไม่ได้เป็นผู้นำที่ดีเสมอไป แต่ผู้นำที่มีทัศนคติดี ได้รับการยอมรับจากเพื่อนและอาจารย์จะเป็นประโยชน์ที่สุดต่อกองทัพ แต่การเลือกโดยป้องกันระบบอุปถัมภ์นั้น ต้องเอาไอทีเข้ามาช่วยคุม โดยแต่ละวิชาจะวัดผลสามด้านคือความร่วมมือ ความริเริ่มและการมุ่งสู่ความสำเร็จ แต่ละด้านแต่ละคนจะได้เกรดจากเพื่อน อย่างใดอย่างหนึ่งใน 5 เกรดคือสุดยอด เยี่ยม ปานกลาง พอผ่านและตก โดยจะเทคะแนนกันไม่ได้ เพราะแต่ละด้านจะใช้ไอทีล็อคไว้ว่าจะมีคนได้สุดยอดไม่เกิน 20% และเยี่ยมไม่เกิน 40% คนที่เลือกต้องปรับเกรดให้เข้าตามที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะให้คะแนนไม่ได้ ยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกมากที่บราซิลครับ